header



ปลายเดือนมิถุนาที่ผ่านมา  ตอนที่บางแสนจัดงานเทศกาลอาหารถิ่นประเทศไทย พิมมีโอกาสได้ชิมขนมอย่างนึง ที่เค้าเรียกกันว่า #ข้าวกระยาคู  ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านของจังหวัดนครนายกนะคะ

แล้วตอนที่ซื้อเนี่ย ด้วยความที่ไม่คิดว่าขนมจะอร่อย  ก็เลยซื้อมาแค่ 2 กระปุกเล็กๆ  แต่พอกลับถึงโรงแรมแล้วเปิดชิม อยากจะวิ่งกลับไปซื้ออีกสักสิบกระปุกเลยอ่ะค่ะ  เพราะว่าอร่อยมากกกก  อารมณ์คล้ายๆ  ขนมเปียกปูนราดด้วยกะทิ   แต่ว่าพอเดินกลับไป คนขายเค้าก็เก็บร้านกลับบ้านไปแล้วอ่ะค่า >_<

เพราะงั้นพอเดือนนี้พิมมีวันว่าง  และเห็นว่านครนายกก็ใกล้ ๆ บ้านพิมแค่นี่เอง เดินทางไม่ถึง  2 ชั่วโมงก็ถึงนะคะ  บวกกับอยากไปหาที่เที่ยวพักผ่อนสบาย ๆ หลังจากลุยงานหนักติดต่อกันมาเกินครึ่งเดือน    ก็เลยลองถามคุณสามีดูว่าไปเที่ยวนครนายกกันไหม  คุณสามีซึ่งกำลังเบื่อ ๆ งานหน้าคอมส์อยู่เหมือนกัน ก็ตอบกลับมาทันทีอย่างไม่มีลังเลว่า #ไป .... ก็เลยกลายมาเป็นที่มาของทริปนี้นี่แหละค่ะ ^_^ 

nakorn nayok 1 41

nakorn nayok 1 02

นครนายก ...  เป็นเมืองที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก ๆ ชนิดที่เดินทางจากอนุเสาวรีย์แค่ 1 ชม. กว่า ๆ ก็ถึงเขตจังหวัดนครนายกแล้วนะคะ   และแม้จังหวัดนครนายกจะเป็นจังหวัดที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก   แต่กลับมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา ตลาด  และอาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารถิ่นที่น่าสนใจมากมายเลยอ่ะค่ะ  เพราะงั้นแล้วทริปนี้ เพื่อนๆ  เตรียมเก็บกระเป๋าตาม #ครัวบ้านพิมออนทัวร์ มาได้เลยค่า

ทริปนี้ของพิมเริ่มต้นที่ช่วงสายๆ  ของวันนึงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานะคะ  หลังจากพิมกับคุณสามีหาอะไรกินเป็นมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว  ก็ขับรถกันออกมาทางมอเตอร์เวย์  ประมาณ 1 ชม. นิด ๆ  ก็เริ่มเข้าเขตจังหวัดนครนายกแล้วอ่ะค่ะ   และที่แรกที่พิมแวะไปเที่ยว ก็คือ ตลาดต้นไม้ที่อยู่ตรงแถวคลอง 15  ในเขตพื้นที่จังหวัดนครนายกนะคะ    ซึ่งพิมขอบอกเลยว่า ใครที่ชอบต้นไม้และได้มามานครนายก ... ไม่ควรพลาดที่นี่อย่างแรงเลยจ้า  เพราะว่าที่นี่เนี่ยถือได้ว่าเป็นแหล่งจำหน่ายต้นไม้  ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และไม้อื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงอุปกรณ์ วัสดุในการทำสวน ของตกแต่งสวนที่เรียกว่าใหญ่สุดแห่งนึงของประเทศไทยเลยอ่ะค่ะ

map nakorn nayok 01

nakorn nayok 1 01

nakorn nayok 1 18

nakorn nayok 1 12

สมัยก่อนตอนที่พิมยังไม่รู้จักที่นี่เนี่ย เวลาพิมอยากจะซื้อต้นไม้แต่ละที พิมก็จะไปจตุจักรตรงหมอชิตบ้าง ตรงมีนบุรีบ้างนะคะ  หมดเงินไปครั้งนึงก็ทีละหลายพันบาท  แต่มาที่นี่เนี่ย ซื้อต้นไม้อย่างเดียวกัน ไซส์พอ ๆ กัน หมดเงินน้อยกว่าครึ่งค่ะ  เพราะต้นไม้ที่นี่ทุกประเภทราคาถูก และบางอย่างก็ถูกมากกกกก    โดยเฉพาะไม้ดอกล้มลุกอย่างดาวเรือง ดาวกระจาย บานชื่น  หงอนไก่  แพงพวย   หรือต้นไม้เล็กๆ  อย่างมะลิ โกสน เฟื่องฟ้า  มีเงินแค่ 3 บาท 5 บาท 10 บาท  ก็ซื้อได้แล้วนะคะ ^_^    เพราะงั้นเวลาที่พิมมาเที่ยวนครนายกทีไร  ตลาดต้นไม้คลอง 15 ก็เลยเป็นที่ ๆ พิมต้องแวะเป็นจุดแรกหรือไม่ก็จุดสุดท้ายอยู่ทุกครั้งไปเลยอ่ะค่ะ  

nakorn nayok 1 16

nakorn nayok 1 11

nakorn nayok 1 10

nakorn nayok 1 03

แต่ถ้าใครไม่ถนัดปลูกไม้ดอก  อยากปลูกอะไรที่ปลูกแล้วกินได้ อย่างผักสวนครัวมากกว่า   ที่นี่เค้าก็มีผักสวนครัวต้นเล็กๆ  ขายเหมือนกันนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา โหระพา แมงลัก ต้นหอม ขึ้นฉ่าย ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ มะเขือ พริกสารพัดชนิด มะเขือเทศ มะเขือเปรี้ยว  ตะไคร้ ข่า แถมยังราคาแค่ถุงละ 10 บาทเท่านั้นเองจ้า   เวลาผ่านมาแถวนี้ทีไร พิมก็มักจะแวะมาซื้อไปปลูกอยู่บ่อย ๆ เลยอ่ะค่ะ    แถมบางถุงแทนที่จะมีต้นเดียว กลับมี 4-5 ต้นใน 1 ถุง ก็มีนะคะ    ^_^  หรือถ้าใครมีพื้นที่บ้านเยอะๆ  อยากได้ไม้ยืนต้นใหญ่ ๆ อย่าง มะม่วง มะขาม ชมพู่ ทุเรียน เงาะ น้อยหน่า   กระท้อน ลองกอง สะตอ ลางสด ฯลฯ  ที่นี่เค้าก็มีขายด้วยอ่ะค่ะ   เรียกได้ว่ามาที่ตลาดนี้ อยากได้ต้นไม้อะไรในเมืองไทย  มีขายแทบจะทุกประเภทเลยค่า 

nakorn nayok 1 14

nakorn nayok 1 13

nakorn nayok 1 17

ส่วนใครที่ชอบตกแต่งสวน ตกแต่งบ้าน  ที่นี่เค้าก็มีของตกแต่งทั้งเล็กทั้งใหญ่ขายมากมายเลยนะคะ  มีทั้งประเภทที่ทำจากไม้ ทำจากหิน  ทำจากดิน และปูปั้นนับหลายสิบร้านเลยอ่ะค่ะ    ..... เรียกว่าเดินกันจนเมื่อยขา ก็ยังเดินไม่ครบเลยนะคะ   ซึ่งถ้าหากเพื่อนๆ  คนไหนสนใจจะไปเที่ยวชม ไปซื้อของ ซื้อต้นไม้ที่นี่ ก็สามารถแวะไปได้ทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 8 โมงเช้าไปเรื่อย ๆ จนถึงราว 6 โมงเย็นเลยอ่ะค่ะ ^_^ 

nakorn nayok 1 06

nakorn nayok 1 05

nakorn nayok 1 07

nakorn nayok 1 08

nakorn nayok 1 09

เดินชมต้นไม้กันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ท้องไส้ก็เริ่มหิวนะคะ >_<   จากตลาดต้นไม้ พิมเลยบอกให้คุณสามีขับรถไปที่ตลาดสดอำเภอบ้านนาสักหน่อย  เพราะได้ข่าวมาว่าที่นั่นมีกุยช่ายอร่อย ๆ ขายอยู่หลายเจ้าเลยอ่ะค่ะ    ^_^ 

map nakorn nayok 02

nakorn nayok 1 19

สำหรับเจ้าแรกที่พิมแวะไป แน่นอนว่าก็ต้องเป็นร้านกุยช่ายเจ๊หงอ กุยช่ายเจ้าเก่าแก่ที่ทำขายเป็นเจ้าแรกในตลาดบ้านนานะคะ  ซึ่งจากริมถนนใหญ่ตรงหน้าตลาดให้เราเดินเข้าซอยมาจนถึงสะพาน ก็จะเจอร้านกุยช่ายเจ๊หงออยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ  

ปกติเจ๊หงอจะทำกุยช่ายออกมาขาย 3 ไส้ด้วยกันนะคะ คือ ไส้กุยช่าย ไส้เผือก และก็ไส้หน่อไม้อ่ะค่ะ  โดยไส้กุยช่ายกับไส้เผือกเนี่ย เจ๊หงอจะทำขายทั้งปีนะคะ   แต่ถ้าเป็นไส้หน่อไม้ เจ๊จะทำขายในช่วงฤดูฝนเท่านั้น  เพราะเป็นฤดูที่มีหน่อไม้หวานค่ะ   ^__^ 

nakorn nayok 1 20

nakorn nayok 1 21

ปกติแล้วใครจะกินกุยช่ายเจ๊หงอ ต้องโทรมาสั่งไว้ก่อนแล้วค่อยมารับนะคะ เพราะว่ากุยช่ายเจ๊ ขายดีมากกกกกกกก ค่ะ  แต่เผอิญว่าวันที่พิมไปเนี่ย เป็นวันที่คนส่วนใหญ่เค้าหยุดกันพอดี  พิมก็เลยสบาย  ไปถึงร้านไม่ต้องแย่งกับใคร  ซื้อได้ทันทีเลยอ่ะค่า  สนนราคากุยช่ายของเจ๊หงอก็จะมี 2 ราคานะคะ   คือกล่องเล็กที่เป็นแบบกล่องพลาสติคใส อยู่ที่กล่องละ 60 บาท  และแบบกล่องใหญ่ที่เป็นกล่องโฟม กล่องละ 100 บาทอ่ะค่ะ .... หากใครเป็นครอบครัวเล็ก แนะนำให้ซื้อกล่องเล็กนะคะ   เพราะแค่กล่องเล็กก็ยังมี 10 กว่าชิ้นเลยอ่ะค่ะ ^^"   แต่ถ้าใครชอบทานกุยช่ายมากๆ  หรืออยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่  หรือเอาไปทานกันในหมู่เพื่อนฝูงพีน้อง พิมแนะนำให้ซื้อกล่องใหญ่ไปเลย เพราะประหยัดกว่าหลายบาทเลยจ้า

nakorn nayok 1 23

nakorn nayok 1 22

จากกุยช่ายเจ๊หงอ  กุยช่ายเจ้าถัดมาที่พิมแวะซื้อ ก็คือกุยช่ายเจ๊ตาซึ่งขายอยู่หน้าตลาด ริมถนนใหญ่เลยนะคะ .... ตอนแรกที่พิมซื้อเนี่ย พิมไม่รู้เลยค่ะว่าเจ๊ตากับเจ๊หงอเป็นพี่น้องกัน  รู้แต่ว่าเดินผ่านกุยช่ายเจ๊ตาแล้ว รู้สึกว่ามันน่ากินอ่ะ  ^^" โดยเฉพาะกุยช่ายเผือก ที่ทั้งสีและหน้าตาดูน่ากินมากที่สุดเลยอ่ะค่ะ   ก็เลยจัดการแวะไปซื้อกล่องเล็กอีก 1 กล่องนะคะ  ซึ่งกุยช่ายเจ๊ตาเนี่ยกล่องเล็กจะถูกกว่าของเจ๊หงอ 10 บาท แต่กล่องใหญ่ก็ราคาเท่ากันเลยอ่ะค่ะ 

nakorn nayok 1 24

nakorn nayok 1 26

nakorn nayok 1 27

nakorn nayok 1 25

สำหรับความแตกต่างระหว่างกุยช่ายของเจ๊หงอ กับเจ๊ตา เท่าที่พิมได้ชิมนะคะ .... ความอวบอ้วน แป้งบาง ความนุ่มนวล ยกให้ฝั่งขวา   แต่รสชาติของไส้ รสชาติของน้ำจิ้ม พิมยกให้ฝั่งซ้ายอ่ะค่า   ^_^ 

nakorn nayok 1 28

จากกุยช่ายบ้านนา   พิมแวะไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันแบบเบา ๆ ต่อที่ #ร้านน้ำแข็งใสจูโหลยกี่  ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับวงเวียนตลาดบ้านนานะคะ

nakorn nayok 1 29

หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ  กรุงเทพฯ ก็มีร้านน้ำแข็งใสเยอะแยะ แต่ทำไมพิมจะต้องมากินน้ำแข็งใสถึงตลาดบ้านนา   ... เหตุผลก็เพราะว่าน้ำแข็งใสเจ้านี้เป็นน้ำแข็งใสแบบโบราณที่หาทานได้ยากมาก แม้ในกรุงเทพฯ จะมีร้านน้ำแข็งใสเยอะแยะ แต่ก็ไม่มีน้ำแข็งใสเจ้าไหนที่ใสด้วยเครื่องไสแบบโบราณอย่างนี้เลยอ่ะค่ะ   ความอร่อยของน้ำแข็งใสเจ้านี้อยู่ที่เกล็ดน้ำแข็งที่ละเอียดมาก แม้จะไม่ละเอียดเท่ากับน้ำแข็งใสพวกบิงชูอย่างที่เค้านิยมกันในตอนนี้ แต่ความนุ่มละมุนนี่ไม่แพ้กันเลยนะคะ   ที่สำคัญเครื่องน้ำแข็งใสจำพวกเชื่อมแต่ละอย่างไม่ว่าจะแห้ว สับปะรด มันเทศ ฟักทอง  คุณยายที่อยู่ในภาพเป็นคนทำเองหมดเลยอ่ะค่ะ   แล้วพอมาเจอกับน้ำกะทิคั้นสด ๆ  ที่ราดด้วยนมข้นหวาน  (พิมแนะนำน้ำราดแบบนี้ ไม่แนะนำแบบน้ำแดง)  ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน  ทำให้น้ำแข็งใสของที่นี่อร่อยชนะเลิศทุกร้าน (ที่เป็นน้ำแข็งใสแบบกะทิ)  ที่พิมเคยได้กินมาเลยอ่ะค่า 

nakorn nayok 1 30

โดยเฉพาะสับปะรดเชื่อมกับน้ำกะทิ  ใครมากินที่นี่พิมแนะนำว่าต้องสั่งเลยนะคะ  เพราะสับปะรดเชื่อมของที่นี่ไม่เหมือนใคร มีทั้งความหนึบ ความหอมหวาน และอมเปรี้ยวเล็ก ๆ   พอมาเจอกับหัวกกะทิคั้นสด ๆ เจอกับน้ำแข็งละมุน ๆ มันเข้ากันได้ดีจนพิมกินหมดถ้วยไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวเลยอ่ะค่ะ >_<  ส่วนราคา อยู่ที่ถ้วยละ 25-30 บาท  ซึ่งพิมถือว่าไม่แพงเลยนะคะ  เมื่อเทียบกับปริมาณและความอร่อยขนาดนี้อ่ะค่ะ ^_^ 

nakorn nayok 1 31

จากน้ำแข็งใสจูโหลยกี่ .... พิมเริ่มอิ่มท้องแล้วอ่ะค่ะ เพราะงั้นก่อนจะแวะไปกินอาหารเที่ยง พิมเลยคิดว่าเราจะต้องไปเดินออกกำลังกายย่อยของในท้องกันสักหน่อยแล้วนะคะ  ซึ่งจุดหมายของพิมก็คือ พ.ฟาร์ม  ฟาร์มเมล่อนชื่อดังของจังหวัดนครนายกค่ะ  ^_^ 

map nakorn nayok 03

พ.ฟาร์ม เป็นฟาร์มเมล่อนแบบเกษตรอินทรีที่มีพี่ไหมเป็นเจ้าของฟาร์มนะคะ  ....  เท่าที่พิมได้คุยกับพี่ไหม  เมื่อก่อนพี่ไหมเป็นพยาบาลวิชาชีพคนนึงค่ะ  แต่ด้วยความที่พี่ไหมชอบกินเมล่อน และลองปลูกเมล่อนแล้วได้ผลดี   พี่ไหมเค้าก็เลยอยากปลูกเมล่อนอร่อย ๆ แบบนี้ให้คนอื่นได้ทานกันบ้าง  ก็เลยเป็นที่มาของฟาร์มเมล่อนแห่งนี้นี่นะคะ  ^_^  

nakorn nayok 1 34

nakorn nayok 1 35

nakorn nayok 1 37

ที่ พ. ฟาร์มนี่ นอกจากจะมีเมล่อนหลากหลายสายพันธุ์ให้เราได้เลือกซื้อกลับไปทาน หรือไปฝากคนที่บ้านแล้ว  ก็ยังมีขนม มีอาหารที่ทำจากเมล่อนอีกด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสาคูเมล่อน  น้ำเมล่อนปั่น  ซาลาเปาเมล่อน และก็สลัดเมล่อนอ่ะค่ะ  ซึ่งเท่าที่พิมได้ชิม  (ไม่อยากจะบอกว่าสั่งมาชิมทู๊กกกกกอย่าง เพราะแต่ละอย่างราคาไม่แพงเลย) ....   ทั้งเมล่อนและขนม รสชาติดีทุกอย่างเลยนะคะ   อะไรที่ต้องหวานก็ไม่หวานมากไป  โอเคอ่ะค่ะ  ^_^  (แต่ซาลาเปา ถ้าเป็นแบบอุ่นร้อน พิมว่าจะอร่อยมากกว่านี้อ่ะค่า) 

nakorn nayok 1 38

nakorn nayok 1 40

nakorn nayok 1 36

nakorn nayok 1 41

nakorn nayok 1 42

nakorn nayok 1 43

และนอกจากเมล่อนกับขนมแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ พ. ฟาร์มนี่ ก็สามารถเดินเข้าไปชมเมล่อนที่อยู่ในโรงเรือนอย่างใกล้ชิดได้ด้วยนะคะ   และหากใครอยากทดลองตัดเมล่อนด้วยตัวเอง เพื่อเอากลับไปฝากคนที่บ้าน  ก็สามารถติดต่อที่เจ้าหน้าที่ของ พ.ฟาร์ม ได้เลยอ่ะค่ะ   ^_^  

nakorn nayok 1 60

nakorn nayok 1 52

nakorn nayok 1 46

nakorn nayok 1 58

nakorn nayok 1 56

nakorn nayok 1 57

นอกจากเมล่อนแล้ว ที่ พ. ฟาร์มเค้าก็ยังมีการปลูกแตงโม  ฟักทองสายพันธุ์ญี่ปุ่นอีกด้วยนะคะ   ซึ่งพี่ไหมบอกว่าถ้าปลูก (แตงโม) แล้วออกมาดีออกมาอร่อย  (ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงทดลอง) พี่ไหมก็จะปลูกขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว พ.ฟาร์ม ด้วยอ่ะค่า  

nakorn nayok 1 53

nakorn nayok 1 54

nakorn nayok 1 55

nakorn nayok 1 49

nakorn nayok 1 51

และหลังจากเดินชมเมล่อน  แตงโม ฟักทอง รวมไปถึงมะเขือเทศ ถั่วฝักยาว แตงกวา ใน พ.ฟาร์ม จนอิ่มกายอิ่มใจดีแล้ว ^_^ ก่อนจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ พิมก็ขอซื้อเมล่อนกลับไปฝากแม่และคนที่บ้านสัก 2-3 ลูกนะคะ  สนนราคากิโลละนึงแค่ 119- บาท ราคาถูกกว่าเมล่อนญี่ปุ่นที่ขายตามห้างเป็นไหน ๆ  แต่รสชาตินี่หวานใกล้เคียงกันมากเลยอ่ะค่า ^_^ 

nakorn nayok 1 61

จากฟาร์มเมล่อน เหลือบดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปบ่ายโมงจะครึ่งแล้วเน๊าะคะ    ถึงเวลาที่พิมกับคุณสามีจะต้องไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานเป็นมื้อกลางวันแล้วล่ะค่ะ  (คุ้นๆ  เหมือนว่าเมื่อกี้ก็เพิ่งกินไปไม่ใช่เร๊อะ  - -")   ซึ่งเท่าที่พิมลองถามคนพื้นที่ ลอง search  ดูใน google  ถ้าไม่ไปทานอาหารตามร้านอาหารดังๆ  ก็จะมีร้านนึงน่าสนใจมาก ชื่อว่า #ร้านไม่น่าอร่อย ซึ่งอยู่ห่างจาก พ.ฟาร์ม เข้ามาทางอำเภอบ้านนา (คือย้อนกลับมานั่นเอง) ประมาณครึ่งชั่วโมงนะคะ   

nakorn nayok 1 64

ร้านไม่น่าอร่อย เป็นร้านอาหารสไตล์บ้านๆ ที่อยู่ติดริมถนนใหญ่อ่ะค่ะ ร้านนี้ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีอะไร  แต่ข้างในร้านกลับมีอาหารขายหลากหลายอย่างเลยนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัด ข้าวคลุกกะปิ เสต๊ก เมี่ยง หมี่กรอบ สปาเกตตี้  ขนมเทียน ขนมเข่ง ไอศกรีมอายุ 102 ปี รวมไปถึงพายกรอบหลากหลายไส้ด้วยอ่ะค่ะ   

nakorn nayok 1 65

nakorn nayok 1 63

ตอนที่มาถึงที่ร้าน คุณลุงคณป้าเจ้าของร้านเค้ากำลังยุ่งอยู่เลยนะคะ  เพราะว่ามีลูกค้ามาซื้อพายกรอบ และสั่งอาหารใส่กล่องเยอะมากอ่ะค่ะ   พิมกับคุณสามีก็เลยมีเวลาคิดว่าจะจะสั่งอะไรมากินดี  ใจจริงคุณสามีอยากลองกินเสต๊คหมูนะคะ  (ราคาสูงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย)  แต่เห็นคุณลุงบอกว่ารอนานนะ   ก็เลยไม่เอาดีกว่าค่ะ สรุปไปสรุปมา ก็เลยตัดสินใจสั่งเป็นข้าวคลุกกะปิมา 1 จาน (เพราะในป้ายบอก จะเสียใจถ้าไม่ได้สั่ง ^^)  ผัดไทโบราณมา 1 จาน และก็เมี่ยงก๋วยเตี๋ยวอีก 1 จานนะคะ 

สำหรับจานแรก ..... ข้าวคลุกกะปิ (60 บาท)  อยากบอกว่าข้าวคลุกกะปิของที่นี่แตกต่างจากที่อื่นมากเลยอ่ะค่ะ   คือแบบคนละอารมณ์กันเลย  ข้าวคลุกกะปิของที่นี่ในข้าวคลุกกะปิมันจะมีเนื้อปูอยู่ด้วย  อารมณ์เหมือนข้าวผัดปูใส่กะปิประมาณนั้นนะคะ   แล้วก็จะไม่มีหมูหวาน แต่จะมีเป็นหมูแดงแบบแห้ง ๆ แทนอ่ะค่ะ    แล้วก็กินกับน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศปรุงรสเค็มๆ หวานๆ  + โรยงา    โดยรวมก็จะเป็นข้าวคลุกกะปิสไตล์ที่แปลก ๆ ที่พิมไม่เคยเห็น แต่รสชาติก็ดีใช้ได้เลยนะคะ  ^_^   

nakorn nayok 1 67

ถัดมาจานที่สอง เป็นผัดไทของคุณสามีสุดที่เลิฟ (80-)   ... ดูหน้าตาเผิน ๆ อาจจะไม่เหมือนผัดไท เพราะที่นี่เค้าเสริฟมาพร้อมกับผักชีหั่น  มะม่วงซอย และหอมเจียว   แต่กินรวม ๆ กันแล้ว ก็อร่อยไปอีกแบบอ่ะค่ะ  ^^ 

nakorn nayok 1 70

ส่วนจานนี้เป็นเมี่ยงก๋วยเตี๋ยวนะคะ (70-)  คุณป้าเค้าจะเอาเส้นใหญ่มาห่อผักสดผักลวก แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ  ทานคู่กับน้ำจิ้มออกรสเปรี้ยวหวานที่มีงาคั่วด้วย  รสชาติโอเคเลยอ่ะค่ะ 

nakorn nayok 1 71

แต่ที่พิมว่าเด็ดมากๆ  และไม่ควรพลาดที่จะสั่งมาทานเลย ก็คือขนมเทียนกับขนมเข่งนะคะ  (ดูเหมือนไม่น่าจะมีขายในร้านนี้เลยนะ ฮ่ะๆ)  .. คือพิมเป็นคนชอบขนมเทียนมากๆๆๆๆ ค่ะ  ถ้าเห็นที่ไหนมีขาย และหน้าตาดูน่ากิน  พิมจะต้องซื้อมากินทันทีเลยนะคะ   ซึ่งที่ผ่านมาก็เจออร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างว่ากันไป   แต่ขนมเทียน ขนมเข่งของที่นี่ เท่าที่พิมกินไป 15 ชิ้นในภาพด้านล่าง  O_O  (มาคิดตอนนี้ ยังงงว่ากินเข้าไปได้ยังไง)   อร่อยจริงค่ะ  

nakorn nayok 1 66

ขนมเข่งของที่นี่เค้าจะเป็นขนมเข่งไส้มะพร้าวแปะก๊วย  ที่ไม่ใช่แบบว่าแค่เอามะพร้าวใส่ไปคนให้กระจายๆ  อยู่ในแป้งนะคะ   แต่ว่าเป็นจะไส้มะพร้าวกระจุกอยู่ตรงกลางกระทงเลย (เหมือนไส้ขนมเทียนที่อยู่กลางกระทง)  แล้วไส้จะมีความหวานฉ่ำ นุ่มนวล พอกัดไปโดนนี่ ความอร่อยพุ่งเต็มปากเต็มคำเลยอ่ะค่ะ    ส่วนขนมเทียน...ก็อร่อยไม่แพ้ขนมเข่งเลยนะคะ  ขนมเทียนของที่นี่แป้งเค้าจะนุ่มแล้วก็หอมหญ้าชิวคักมาก ๆ ค่ะ  พอมาเจอกับไส้ที่รสชาติเข้มข้น  กลมกล่อม เผ็ดหอมพริกไทยพอประมาณ  มันดีงามมากๆ เลยนะคะ    .... ดีงามขนาดที่พิมสั่งมากินกล่องแรก 10 ชิ้น แล้วต้องเดินกลับไปสั่งมากินอีก 5 ชิ้นอ่ะค่ะ >_<  ส่วนราคาไม่ว่าจะขนมเทียนหรือขนมเข่ง คุณป้าเค้าจะขายชิ้นละ 7 บาทนะคะ  ฟังดูเหมือนแพง เมื่อเทียบกับขนาดชิ้น   (เพราะตอนแรกพิมก็คิดแบบนั้น)  แต่ลองไปกินดู แล้วจะรู้สึกว่า คุ้มค่าคุ้มเงินที่จ่ายไปมากๆ ค่ะ ^_^  

nakorn nayok 1 69

ถัดจากขนมเขียนขนมเข่ง จุดหมายถัดไปของพิมอยู่ที่ร้านขนมไทยป้าแจ๋วแหวว  ร้านขนมไทยที่เป็นทั้งศูนย์การเรียนรู้ในการทำขนมไทยและร้านขายขนมไทยอร่อย ๆ ในเขตอำเภอปากพลี นครนายกนะคะ   (คิดไปคิดมา ทำไมทริปนี้มีแต่เรื่องกิน >_<) 

06

ร้านขนมไทยป้าแจ๋วแหวว เป็นร้านขนมไทยสไตล์บ้าน ๆ ร้านนึงที่มีชื่อเสียงมากในอำเภอปากพลีค่ะ  โดยปกติขนมที่ป้าแจ๋วแหววทำขายก็จะมีพวกขนมชั้น ขนมมัน ขนมเม็ดขนุนนะคะ  แต่ว่ามีขนมนึงที่ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้เห็นใครทำขาย  แต่ที่ร้านป้าแจ๋วแหววมีขาย และเป็นสาเหตุที่ทำให้ดั้นด้นมานครนายกในครั้งนี้ ก็คือ ขนมข้าวกระยาคู อ่ะค่ะ 

nakorn nayok 1 73

ข้าวกระยาคู หรือที่บางคนเรียกว่าข้าวยาคู  (แต่ไม่ใช่ข้าวยาคูลย์น๊าาาาา)  เป็นขนมไทยโบราณของภาคกลางที่ปัจจุบันหาดูและหาทานได้ยากมากๆ เลยนะคะ (ถ้าไม่ไปถึงถิ่นนะ)  ขนมชนิดนี้แต่เดิมก็ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก   เพราะเป็นขนมที่จะทำได้เฉพาะช่วงก่อนฤดูการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเท่านั้นอ่ะค่ะ  แถมด้วยความที่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบค่อนข้างยุ่งยาก แล้วมีความเกี่ยวพันกับความเชื่อตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยในเรื่องพระแม่โพสพอีก  ก็เลยทำให้ยิ่งนานวันไป ขนมชนิดนี้ก็ยิ่งสูญหายไปตามกาลเวลานะคะ  

nakorn nayok 1 74

จนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีการรื้อฟื้นการทำขนมชนิดนี้ขึ้นมาอ่ะค่ะ  แต่ด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง และด้วยความที่ต้องการให้ขนมนี้สามารถทำกินได้ทั้งปี  ก็เลยมีการปรับปรุุงทั้งส่วนผสมและวิธีทำบางอย่างให้เหมาะสมกับยุคสมัยนะคะ   บ้างก็ใช้วิธีการเอาข้าวหอมมะลิไปแช่ในน้ำใบเตยจนนิ่มก่อน  แล้วก็นำไปโม่ให้ละเอียดค่ะ  จากนั้นทับน้ำ พอแป้งแห้งดี  (ได้เป็นแป้งข้าวเจ้าสด) ก็เอาไปนวดกับกะทิ น้ำตาล  แล้วเอาไปกวนอีกทีจนข้นเหนียว ก็จะได้เป็นข้าวกระยาคูแบบนึงนะคะ  ส่วนบางพื้นที่ก็จะใช้วิธีนำแป้งข้าวเจ้ามาผสมกับแป้งท้าวยายม่อมบ้าง แป้งมันบ้าง  แล้วนำไปกวนกับน้ำใบเตย น้ำตาล และน้ำปูนใสจนข้นเหนียว  ทานกับกะทิข้นที่เหมือนกะทิราดหน้าขนม  ก็จะได้ออกมาเป็นข้าวกระยาคูอีกแบบนึงอ่ะค่ะ  ..... ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็มีความหอมอร่อยไม่แพ้ข้าวกระยาคูแบบดั้งเดิมเลยนะคะ ^_^ 

nakorn nayok 1 77

 สำหรับข้าวกระยาคูของป้าแจ๋วแหวว  พิมไม่แน่ใจว่าป้าแจ๋วแหววทำแบบไหน เพราะถามแล้วป้าไม่บอก แฮ่  ^^"  ....... แต่จากที่พิมได้ชิม และจากจำนวนลูกค้าที่เดินเข้ามาซื้อเรื่อย ๆ  แบบไม่ขาดสาย ขอบอกว่าข้าวกระยาคูของป้าแจ๋วแหวว อร่อยชนิดที่ควรขับรถเข้ามาซื้อถึงบ้านจริง ๆ อ่ะค่ะ   ที่สำคัญป้าขายไม่แพงเลย กล่องเล็ก 20 บาท กล่องใหญ่ (กินกันได้สัก 5 คน)  แค่ 50 บาทเท่านั้นเองนะคะ  (สังเกตุว่าเกินครึ่ง มีแต่คนซื้อกล่องใหญ่)    ยังไงถ้าเพื่อน ๆ คนไหนผ่านมาแถวนครนายก หรือตั้งใจมาเที่ยวนครนายก อย่าลืมแวะซื้อข้าวกระยาคูของป้าแจ๋วแหววกลับไปทาน หรือกลับไปฝากคนที่บ้าน รับรองจะติดใจจ้า 

nakorn nayok 1 76

nakorn nayok 1 78

จากร้านป้าแจ๋วแหวว พิมแพลนเอาไว้ว่าจะเข้าไปเช็คอินที่พักก่อน เพื่อถ่ายรูปสวย ๆ ของที่พัก แล้วค่อยออกมาเที่ยวชมต้นไม้ที่สวนศรียา  และหาอาหารมื้อเย็นอร่อยๆ กินนะคะ  แต่ .... ตอนขับรถออกจากร้านป้าแจ๋วแหวว เหลือบมองดูนาฬิกาหน้ารถ ปาเข้าไปจะ 4 โมงเย็นแล้วอ่ะค่ะ   ก็เลยคิดว่าไม่ได้การล่ะ  ถ้าไปเช็คอินที่พักก่อน แล้วค่อยมาสวนศรียาคงไม่ทันแน่ เพราะสวนศรียาปิดตอน 5 โมงเย็น  เพราะงั้นก็เลยเปลี่ยนแผนขอไปเที่ยวสวนศรียาก่อน แล้วค่อยไปเช็คอินที่พักพร้อมหาอะไรกินนะคะ ^^

map nakorn nayok 07

nakorn nayok 1 79

ถ้าเอ่ยชื่อสวนศรียา ... พิมเชื่อว่าหากเป็นคนที่อยู่นครนายก หรือเคยคิดจะมาเที่ยวนครนายก และชอบปลูกต้นไม้หรือทำสวนผลไม้  น่าจะรู้จักสวนศรียากันเกือบจะทุกคนอ่ะค่ะ  เพราะว่าสวนศรียาเนี่ยเป็นได้ชื่อว่าเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนในเรื่องของการใช้สารอินทรีย์แทนการใช้สารเคมี การผลิตปุ๋ยหมัก การผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำ  ในระดับต้น ๆ ของจังหวัดนครนายกเลยนะคะ

nakorn nayok 1 80

จะว่าไปเมื่อก่อนสวนศรียาก็เป็นสวนผลไม้ธรรมดา ๆ  ทั่วไปอ่ะค่ะ  แต่ด้วยความที่คุณลุงไสว ศรียา เจ้าของสวน (ปัจจุบันอายุ 74 ปีแล้ว)  เป็นคนที่ขยันหาความรู้ และขยันทดลองทำโน่นทำนี่เกี่ยวกับการเกษตรมากมาย    ไม่ว่าจะทดลองปลูกต้นไม้กลับหัว   ทดลองปลูกพืชผักสวนครัวบนต้นกล้วย  ทดลองเอาผลไม้ใส่ขวดแก้ว   ทดลองทำบวบยาว ทดลองทำไบโอดีเซล   และทดลองต่อยอดส้มบนต้นมะสัง   ซึ่งทั้งหมดนี่ ตอนที่คุณลุงเริ่มทำ ยังไม่มีที่อื่นทำ   ก็เลยทำให้สวนของคุณลุงเป็นสวนที่มีคนรู้จักไปทั่วนะคะ  ^_^ 

อย่างเรื่องการปลูกต้นไม้กลับหัว  คนอื่นอาจจะคิดว่ามันคือความพิเรน  แต่คุณลุงกลับมีความคิดว่าเวลาคนเราอยู่ในภาวะลำบากสุดๆ  เราก็จะสู้จนสุดชีวิตเพื่อให้มีชีวิตรอด เพราะงั้นแล้วต้นไม้ก็น่าจะไม่ต่างกัน อ่ะค่ะ  คุณลุงก็เลยทำการปลูกต้นไม้แบบกลับหัว  (เอารากขึ้นฟ้า เอายอดลงดิน) ซึ่งเป็นการปลูกแบบไม่ปกติ  เพื่อดูว่าต้นไม้มันจะเป็นยังไง จะตายไหม หรือจะรอดไหมนะคะ   ปรากฎว่าพอคุณลุงทดลองอย่างจริงจัง  นอกจากพริกกับกล้วยจะรอดแล้ว (คุณลุงทดลองสองอย่าง)  ก็ยังโตไว และออกดอกออกผลเร็วกว่าปกติด้วยซ้ำอ่ะค่ะ  

nakorn nayok 1 85

หรืออย่างการทดลองต่อยอดส้มสารพัดบนต้นมะสัง .. ด้วยความที่คุณลุงเห็นว่าต้นมะสังเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่ทนต่อทุกสภาวะอากาศ ไม่ว่าจะน้ำท่วมหรือน้ำแล้งก็ไม่ตายนะคะ  ^^"   บวกกับคุณลุงมีความสามารถในการขยายพันธุ์ต้นไม้ด้วยการเสียบยอด    คุณลุงก็เลยมีความคิดที่จะเอาต้นมะสังมาเป็นต้นตอ แล้วก็นำยอดส้มสายพันธุ์ต่าง ๆ มาเสียบยอดต่อกับต้นมะสังอ่ะค่ะ   (ส้ม กับมะสังเป็นพืชตระกูลเดียวกัน เสียบยอดกันได้  แต่ต้นส้มมีความอ่อนแอกว่าต้นมะสังมาก)   และจากการผลการทดลองของคุณลุง  ซึ่งพิมไม่แน่ใจว่าใช้เวลานานเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ทำให้ต้นมะสังต้นเดียว   ออกลูกมาเป็นมะกรูด   มะนาวด่านเกวียน  มะนาวแป้น  มะนาวพวง  มะนาวไร้เมล็ด  ส้มเขียวหวาน  ส้มเกลี้ยง  ส้มเช้ง  ส้มโชกุน   ส้มมือ  ส้มซ่า  ส้มโอ  ส้มจี๊ด และพืชชนิดอื่นที่อยู่ในตระกูลส้มมะนาว รวมกันทั้งหมด 18 ชนิด เป็นที่ประหลาดใจของคนทั่วไปเลยอ่ะค่ะ  ^_^ 

nakorn nayok 1 81

nakorn nayok 1 82

หรืออย่างการทำผลไม้ในขวดแก้ว   ... คุณลุงเห็นว่าฝรั่งและชมพู่ที่สวนนั้นขายได้ราคาถูก  เลยพยายามคิดหาวิธีเพิ่มมูลค่าผลไม้สองอย่างนี้นะคะ    และหลังจากคิดไปคิดมาสักระยะ คุณลุงก็เลยทดลองเอาขวดแก้วที่ไม่ได้ใช้แล้วล้างทำความสะอาด แล้วนำไปสวมผลไม้ตั้งแต่ตอนยังเป็นลูกเล็กๆ อ่ะค่ะ     พอผลไม้โต มันก็จะโตไปตามรูปขวด    และพอมันแก่เต็มที่  คุณลุงก็จะตัดขายพร้อมขวดในราคาขวดละ 100 บาทนะคะ  (ขายให้นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นคนจีน และต่างประเทศ)  .... ซึ่งดูแล้ว วิธีการเพิ่มมูลค่าผลไม้ของคุณลุงก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย  แต่คุณลุงสามารถอัพราคาผลไม้ราคาสิบบาทให้เป็นร้อยบาทได้  ก็เลยทำให้สวนของคุณลุงเป็นที่สนใจของทั้งเกษตรกรคนอื่นและนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ อ่ะค่ะ

nakorn nayok 1 84

นอกจากต้นมะสังต้นเดียวที่ออกผลเป็นผลไม้ 18 ชนิด นอกจากการปลูกต้นไม้กลับหัว และการทำฝรั่ง+ชมพู่ในขวดแก้วแล้ว   ...... ที่สวนคุณลุงก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ  อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำบวบลูกสั้น ๆ ให้กลายเป็นบวบลูกยาวเป็นเมตร  การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล    การเพราะชำต้นช้อยนางรำ ต้นไม้ที่สามารถขยับไหว ๆ ได้เมื่อได้ยินเสียงเพลง  รวมถึงการผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพไว้ใช้เอง  ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ก็สามารถติดต่อไปที่ลุงไสว  หรือจะไปดูของจริงที่สวนศรียาเลยก็ได้นะคะ ^_^ 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สวนศรียา >> คลิ๊กที่นี่ <<

nakorn nayok 1 83

nakorn nayok 1 86

 (ผลผลิตจากสวนศรียา)

nakorn nayok 1 87

 (ผลผลิตจากสวนศรียา)

nakorn nayok 1 88

 (ผลผลิตจากสวนศรียา)

nakorn nayok 1 89

หลังจากเดินชมสวนและคุยกับลุงไสว อยู่พักใหญ่ (เป็นชั่วโมง  ^^")   เหลือบตาดูนาฬิกาอีกที  ก็พบว่าเวลาเดินไปที่  5 โมงเย็นกว่า ๆ แล้วอ่ะค่ะ   ซึ่งก็ได้เวลาที่เราควรจะไปเช็คอินที่พักแล้วนะคะ ^^ 

map nakorn nayok 08

พูดถึงที่พักแล้ว ... พิมอยากจะบอกว่า เรื่องที่พักเป็นความผิดพลาดอย่างนึงของทริปนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับพิมมาก่อนเลยอ่ะค่ะ  คือก่อนมาพิมทำการจองที่พักแห่งนึงไว้ผ่านเวบจองโรงแรมแห่งนึง แต่พลาดตรงที่พิมไม่ได้โทรไป Confirm  นะคะ  ปรากฎว่าพอถึงที่พัก .. เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีชื่อพิมอยู่ในรายชื่อคนจองที่พักคืนนี้ค่ะ  T__T   และพอลองเข้าไปเช็คในเวบ ก็ไม่มีรายการจองที่พักของพิมในคืนนี้ด้วยนะคะ  

ที่สำคัญวันนั้นเป็นวันแข่งเดินมาราธอน หรือแข่งปั่นจักยานอะไรสักอย่างของนครนายกซึ่งเป็นรายการใหญ่  โรงแรมกับที่พักในละแวกที่พิมอยากไปพักเลยถูกจองเต็มหมดอ่ะค่ะ   พิมก็เลยต้องระเห็ดไปหาที่พักในโซนที่ไกลหน่อยก็คือแถวเขื่อนขุนด่าน   ซึ่งกว่าจะหาได้ ต้องโทรศัพท์นับเป็นสิบโรงแรมเลยนะคะ   และในที่สุดก็ได้ที่พักมาเป็นภูไอยรารีสอร์ทนี่แหละค่ะ  >_<     (นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้วววว)  

205

ภูไอยรารีสอร์ทเป็นรีสอร์ทสไตล์ธรรมชาติที่อยู่ใกล้ ๆ กับเขื่อนขุนด่านปราการชลนะคะ  แต่จะอยู่เข้าไปลึกหน่อย ติด ๆ กับโซนที่เป็นป่าค่ะ  ....  ซึ่งที่นี่เค้าจะมีบ้านพักหลายแบบ ทั้งแบบเป็นหลังพัก 2 คน   และเป็นหลังพักหลายคนนะคะ   โดยห้องที่พิมได้พักในคืนนี้จะเป็นแบบหลัง 2 คน ในราคาคืนละ 1500 กว่าบาทค่ะ    ซึ่งคุณภาพห้องกับราคา ก็โอเค พอไปกันได้อยู่นะคะ 

206

202

และหลังจากเก็บกระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อย และนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว  ก็ได้เวลาไปหาข้าวเย็นกินกันแล้วอ่ะค่ะ  ^_^ 

201

204

ตอนแรกพิมแพลนเอาไว้ว่า จะไปหาข้าวมื้อเย็นกินกันนอกรีสอร์ทนะคะ  แบบว่าไปนั่งชิว ๆ สวีท ๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัว ๆ  กันสองต่อสอง อะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ ^^   แต่ระหว่างทางที่จะเดินไปยังลานจอดรถ  ก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงเดินสวนมา (น่าจะมาจากทางห้องอาหาร)  และหนึ่งในนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้น ก็พูดขึ้นว่าต้มยำไก่บ้านสมุนไพรของที่นี่อร่อยดีนะ    ..... แค่ประโยคสั้น ๆ เท่านี้แหละค่ะ  ทำให้พิมเปลียนใจเดินมากินมื้อเย็นที่ร้านอาหารของรีสอร์ทแทนเลยค่า  (ใจง่ายเน๊อะ >_<) 

nakorn nayok 1 92

สำหรับเมนูที่พิมสั่งมาทานในวันนี้  บอกเลยว่าเป็นเมนูที่ธรรมดามากๆ  นะคะ  เพราะที่ร้านแห่งนี้ แม้จะมีเมนูพวกต้มยำไก่บ้าน ต้มยำปลาแม่น้ำที่หลายคนบอกว่าอร่อยมาก แต่รายการอาหารเค้าก็ไม่ได้มีให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่นักอ่ะค่ะ   เพราะงั้นพิมก็เลยขอสั่งเมนูพื้น ๆ อย่างข้าวราดผัดกะเพราแบบเผ็ด ๆ มากินร่วมกับต้มยำและไข่ดาวนะคะ    ซึ่งโดยรวมแล้วรสชาติก็ไม่ผิดหวัง ใช้ได้อ่ะค่ะ  (มื้อนี้ 300 กว่าบาท)   ^_^ 

nakorn nayok 1 91

nakorn nayok 1 94

nakorn nayok 1 90

และหลังจากกินข้าวมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว   พิมกับคุณสามีก็กลับมาห้องพักเพื่ออาบน้ำอาบท่า และเตรียมตัวพักผ่อนนะคะ    เพราะว่าพรุ่งนี้เนี่ยตามแผนที่พิมวางเอาไว้  ทั้งกิจกรรมและอาหารที่พิมจะตามไปชิม เพียบเลยอ่ะค่า ....... เพราะงั้นคืนนี้พิมขอตัวไปนอนเอาแรงก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวเจอกันใหม่ เช้าวันพรุ่งนี้จ้า ^_^ 

200



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก