header



ครอบครัวคุณสามีพิม โดยเฉพาะน้องสาวกับแม่คุณสามี เป็นอะไรที่ชอบกินครองแครงกะทิกันมากกกกค่ะ  เรียกว่าถ้าให้เลือกกินขนมไทยอะไรสักอย่าง ทั้งแม่และน้องสาวคุณสามี จะต้องนึกถึงครองแครงกะทิกันเป็นอย่างแรกแน่นอนเลยค่ะ 

และบ่อยครั้งที่ได้เจอหน้ากัน  น้องสาวคุณสามีก็มักจะขอให้พิมทำครองแครงกะทิให้กินอยู่เสมอๆ   แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนัก  เพราะความที่พิมขี้เกียจปั้นตัวครองแครงนี่แหละค่ะ (คือแม้ว่ามันจะไม่ยาก แต่ต้องมีอารมณ์จริงๆ นะคะ พิมถึงจะทำได้)  >_<   จนมากระทั่งหลายวันก่อน คุณน้องสาวสามีพิมซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้มาทำงานมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี  ก็บ่นกับพิมว่าอยากกินเจ้าครองแครงกะทินี่อีกล่ะค่ะ   พิมเห็นว่าน้องก็ขอมาหลายรอบแหละ แต่พิมไม่ค่อยได้ทำให้กินสักที  ก็เลยสัญญาว่าคราวนี้แหละ จะได้กินแน่นอน    ..  แต่ด้วยความที่พิมก็ไม่ได้ทำครองแครงมานานมากแล้วเหมือนกันนะคะ  สักปีนึงได้ เพราะงั้นก่อนจะไปทำให้น้องกินจริงๆ จังๆ ก็ขอซ้อมมือไว้หน่อยดีกว่าค่ะ  จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดเน๊าะคะ ^_^   

ซึ่งครองแครงที่พิมทำในวันนี้เนี่ย ตอนแรกพิมตั้งใจว่าจะทำครองแครงเป็นสีเขียวใบเตย แต่ไล่เฉดสี 3 สี คือ เขียวเข้ม เขียวอ่อน และเขียวเกือบขาว  แต่ตอนที่พิมออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน แล้วพบว่าที่รั้วบ้านของลุงข้างบ้านมีดอกอัญชันซ้อนบานสะพรั่งเต็มรั้วไปหมด   และลุงก็อนุญาติให้พิมเก็บเอาไปทำอะไรก็ได้   พิมก็เลยเกิดเปลี่ยนใจ  จากที่จะใช้ใบเตย ก็ขอใบดอกอัญชันแทนแล้วกันอ่ะค่ะ   ก็เลยได้ออกมาเป็นครองแครงอัญชันน้ำกะทิ อย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ  ^_^ 

krong kraeng kati 26

krong kraeng kati 25

krong kraeng kati 24

:: ส่วนผสม "ตัวครองครองสีน้ำเงิน" ::

- แป้งมัน  1 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
- น้ำเปล่า  2/3 ถ้วย
- ดอกอัญชันซ้อนสีน้ำเงิน แบบสด 20 ดอก 

:: ส่วนผสม "ตัวครองครองสีฟ้า" ::

- แป้งมัน  1 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
- น้ำเปล่า  2/3 ถ้วย
- ดอกอัญชันซ้อนสีน้ำเงิน แบบสด 10 ดอก

:: ส่วนผสมอื่นๆ ::

- กะทิอัมพวา  3 กล่อง
- น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 + 1/4 ถ้วย
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- งาขาวคั่ว  1/4 ถ้วย หรือมากน้อยตามชอบ 
- ใบเตยหอม 3 ใบ

- แป้งมัน (ใช้เป็นแป้งนวล)  1/2 ถ้วย

** ถ้วย = ถ้วยตวง    /  วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง  >> คลิ๊กที่นี่ <<

** ถ้าต้องการให้ตัวครองแครงเป็นสีเขียว  ให้ใช้น้ำคั้นใบเตยแทนน้ำเปล่า + ดอกอัญชัน

** ถ้าต้องการให้ตัวครองแครงเป็นสีขาว  ไม่ต้องใช้ดอกอัญชัน  แต่ให้ใช้น้ำลอยดอกมะลิแทนน้ำเปล่า 

krong kraeng kati 01

:: วิธีทำ ::

อันดับแรกเราจะมาทำแป้งครองแครงสีน้ำเงินกันก่อนค่ะ ก็ให้เราผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมัน (ตามสัดส่วนของตัวครองแครงสีน้ำเงิน)  ลงในกาละมังใบย่อมๆ  สักใบ แล้วคนให้เข้ากันนะคะ 

krong kraeng kati 04

จากนั้นก็ให้เราเทน้ำเปล่าตามสัดส่วนด้านบนใส่ลงในหม้อ ตามด้วยดอกอัญชันล้างสะอาด แล้วนำไปตั้งเตา โดยใช้ไฟกลางค่ะ 

krong kraeng kati 02

พอน้ำเดือดก็หรี่ไฟลงเล็กน้อย  รอให้สีของน้ำกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม  ก็ตักดอกอัญชันออกทิ้งไป 

krong kraeng kati 03

แล้วเทน้ำดอกอัญชันที่กำลังเดือดๆ ใส่ลงไปในกาละมังแป้งนะคะ   จากนั้นก็รีบใช้พายไม้คนให้เข้ากันค่ะ     (พิมใช้มือนึงเท อีกมือนึงคน) 

** จริงๆ ๆ สีแป้งในภาพจะต้องออกไปทางสีน้ำเงิน แต่สีเพี้ยนนิดหน่อย เพราะพิมตั้งค่า White Balance  คนละโหมดกันนะคะ **

krong kraeng kati 05

พอส่วนผสมแป้งกับน้ำเข้ากันดีประมาณนึง  ก็หยุดคนนะคะ  แล้วเปลี่ยนไปใช้มือนวดแทน  (นวดในกาละมังนั่นแหละค่ะ)  ซึ่งระหว่างนวด ให้หมั่นเอาแป้งนวล (แป้งมัน) ทามือบ่อย ๆ ไม่งั้นแป้งจะติดมือได้ค่ะ  และก็นวดจนกระทั่งแป้งออกมาเนียนนุ่มแบบนี้นะคะ 

** ถ้านวดเสร็จแล้วแป้งแข็ง ไม่นุ่ม  หรือแป้งไม่รวมตัวเป็นก้อนเดียวกัน  แปลว่าใช้ไม่ได้นะคะ ทิ้งสถานเดียวค่ะ 

krong kraeng kati 07 1

จากนั้นก็แบ่งแป้งเป็น 5 ก้อนนะคะ  เท่ากัน ไม่เท่ากันบ้าง ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียสอ่ะค่ะ

krong kraeng kati 08

แล้วคลึงแป้งแต่ละก้อนให้เป็นเส้นยาว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.  นะคะ   คลึงเสร็จก็เอาแป้งโรยบาง ๆ ตลอดทั้งเส้น 

** ถ้าใครไม่มีพื้นที่สำหรับคลึงแป้ง  หยิบปั้นทีละเม็ดแบบบัวลอยก็ได้  แต่แบบคลึงเป็นเส้นนี่จะสะดวกกว่า 

103

แล้วใช้มีดคม ๆ ตัดแป้งเป็นชิ้นๆ  อย่างในภาพด้านล่างนี้อ่ะค่ะ   ตัดเสร็จก็พักไว้ก่อน  เพราะเราจะไปทำแป้งครองแครงอีกสีนะคะ   หรือเพื่อนๆ จะทำแป้งทีละสี กดเป็นตัวครองแครงทีละสีก็ได้ค่ะ 

** ตัดเสร็จ หากจะทิ้งระยะไว้รอกดเป็นตัวครองแครงทีเดียวแบบพิม  เอาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมไว้ด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้แป้งแห้ง หรือไม่ก็จับรวมกันใส่กาละมัง แล้วหาอะไรครอบไว้ให้สนิทก็ได้ค่ะ

krong kraeng kati 09

สำหรับแป้งครองแครงสีฟ้า  ก็ทำแบบเดียวกันกับแป้งครองแครงสีน้ำเงิน  เพียงแต่ลดปริมาณดอกอัญชันลง  แล้วเราก็จะได้แป้งครองแครงสีฟ้าที่ตัดเป็นชิ้น ๆ แล้วออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้เช่นกันนะคะ

krong kraeng kati 12

จากนั้นนำแป้งครองแครงแต่ละชิ้นมากดลงบนพิมพ์ครองแครงค่ะ   โดยก่อนกดให้โรยแป้งลงบนพิมพ์ครองแครงสักหน่อย เพื่อกันแป้งติดพิมพ์นะคะ   ^_^

** พิมพ์ครองแครงหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่อันละ 20 กว่าบาท หรือร้านในเนตก็มีขายค่ะ 

krong kraeng kati 11 1

ทำจนหมดแป้ง เราก็จะได้ตัวครองแครงออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้  ..... แล้วก็พักไว้ก่อนค่ะ   

** หากยังไม่ได้ใช้ทันที ก็สามารถเก็บใส่ถุง มัดปาก หรือกล่องฝาปิดสนิท ใส่ตู้เย็นช่องธรรมดาเอาไว้ได้ประมาณ 2-3 วัน ขึ้นกับอุณหภูมิในตู้เย็น

krong kraeng kati 13

หันมาตั้งหม้อใบย่อมๆ  บนเตา เทกะทิอัมพวาลงไป  3 กล่อง ตามด้วยน้ำเลอยดอกมะลิ  1 ถ้วย (ถ้าไม่มีน้ำลอยดอกมะลิ ใช้น้ำเปล่าก็ได้) 

krong kraeng kati 18

ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว  เกลือป่น  ใบเตยหอม  (บิดๆ ให้กลิ่นออกนิดนึงก่อนใส่ลงในหม้อ)   และเปิดไฟเตาเป็นไฟกลาง

krong kraeng kati 19

 แล้วก็คนไปเรื่อยๆ เป็นระยะๆ พอน้ำตาลทราย + เกลือละลาย  ก็ตักขึ้นมาชิมรสชาตินะคะ  หากชอบหวานกว่านี้ก็เติมน้ำตาลเพิ่มได้  แต่หากชอบหวานน้อยกว่านี้ก็เติมกะทิเพิ่มได้เช่นกันค่ะ   และพอได้รสที่ชอบแล้วก็ยกลงจากเตานะคะ 

krong kraeng kati 20

จากนั้นหันไปตั้งหม้ออีกใบบนเตาไฟค่ะ  ใส่น้ำเปล่าสำหรับต้มตัวครองแครงลงไปในหม้อ ให้สูงประมาณ 3 -4 นิ้ว  นำตัวครองแครงใส่กระชอนที่มีรู   แล้วร่อนเอาแป้งมันส่วนเกิน (แป้งนวล)  ออกสักหน่อยนะคะ  

krong kraeng kati 15

พอน้ำในหม้อเดือดจัดๆ  ก็เทตัวครองแครงลงไป  (แบ่งต้มทีละครึ่ง อย่าต้มทั้งหมดในครั้งเดียว)  คนนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ตัวครองแครงติดก้นหม้อนะคะ แล้วรอสักพักพอน้ำเริ่มเดือดอีกครั้ง ตัวครองแครงจะเริ่มลอยขึ้นมา  (แปลว่าเริ่มสุก)  ก็รอต่ออีกสัก 30 วินาที  - 1 นาที ตัวครองแครงจะสุกพอดีค่ะ  

krong kraeng kati 16

 ก็ใช้กระชอนโปร่งตักขึ้นผ่านน้ำเปล่า  (น้ำธรรมดา)  1 ครั้ง  

krong kraeng kati 17

ก่อนจะใส่ลงไปในหม้อน้ำกะทินะคะ 

krong kraeng kati 21

แล้วนำไปตั้งไฟอีกสักรอบ  พอเดือดก็ปิดไฟเตาค่ะ   

krong kraeng kati 22

 แล้วโรยงาขาวคั่วปริมาณตามชอบ ....... เราก็จะได้ "ครองแครงกะทิสด"  ออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ  ^_^

krong kraeng kati 23

จากนั้นก็ถึงเวลาตักใส่ถ้วยเสริฟล่ะค่ะ  ...... ครองแครงตัวหนึบๆ นุ่ม ๆ  กับน้ำกะทิสีขาวๆ  รสชาติหวานละมุน ที่หอมงาขาวคั่ว ... อร่อยจนไม่อยากเลิกกินเลยนะคะ   ^_^

krong kraeng kati 24

พิมก็อยากให้เพื่อนๆ ลองเอาไปทำทานกันดูค่ะ   ขั้นตอนการทำดูจากภาพดูจากคำอธิบายของพิมเหมือนจะยาก แต่พิมขอบอกเลยนะคะว่าง่ายกว่าทำบัวบอยซะอีกค่ะ  เพราะบัวลอยเนี่ยต้องนึ่งเผือก นึ่งฟักทอง  แล้วเอามานวดผสมกับแป้ง  แต่อันนี้แค่น้ำเดือดจัดผสมกับแป้งเท่านั้นเองค่า ^_^ 

krong kraeng kati 25

 ยังไงลองไปทำทานกันดูน๊า  แล้วพบกับพิมใหม่ในเมนูอร่อยถัดไปค่า ^_^

krong kraeng kati 26

krong kraeng kati 27

::  เพิ่มเติม ::

- หากต้องการทำตัวครองแครงที่มีสีขาวล้วน ก็ใช้น้ำลอยดอกมะลิเฉยๆ  นะคะ ไม่ต้องใช้ดอกอัญชันหรือใบเตยค่ะ

- วิธีทำน้ำอัญชันสำหรับการผสมให้เป็นสีน้ำเงินเข้ม สีฟ้าอ่อน อาจจะทำแบบนี้ก็ได้นะคะ  คือนำน้ำเปล่า 1 ถ้วยตั้งเตาไฟ  (ในสูตรจะเป็นน้ำเปล่า 3/4 + 3/4 ถ้วย = 1 + 1/2 ถ้วยจากแป้ง 2 สูตร) แล้วใส่ดอกอัญชันทั้งหมดลงไป (20 + 10 ดอก)  ต้มจนกระทั่งน้ำกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มและเดือดจัด ก็ช้อนดอกอัญชันออกให้หมด   แล้วเทน้ำอัญชันใส่ถ้วยตวงให้ได้ 3/4 ถ้วย เพื่อใช้ทำตัวครองแครงแบบสีน้ำเงินเข้ม   และก็ให้นำน้ำเปล่าที่เหลืออีก 1/2 ถ้วย ใส่ลงในหม้อ   น้ำไปตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ก่อนจะนำมาทำตัวครองแครงสีฟ้าอ่ะค่ะ 

- แป้งครองแครงกะทิ โดยปกติมี 2 แบบ คือ แบบใช้แป้งมันล้วนๆ ตัวครองแครงจะเหนียว หนึบ (เรียกครองแครงแก้ว)  ส่วนแบบที่ใช้แป้งมันผสมแป้งอื่น เช่น แป้งข้าวเจ้า หรือ แป้งข้าวเจ้ากับแป้งท้าว  ตัวแป้งจะนุ่มกว่าและขุ่นกว่านิดนึงนะคะ

- ถ้าต้องการทำเป็นครองแครงกะทิมะพร้าวอ่อน  ให้ขั้นตอนการทำน้ำกะทิ ใส่น้ำมะพร้าวอ่อนแทนน้ำลอยดอกมะลิ  และอย่าลืมหั่นเนื้อมะพร้าวอ่อนใส่ลงไปด้วยค่ะ   โดยใส่ไปพร้อมกับตอนใส่ตัวครองแครงนะคะ



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก