header

เก็บตกก้นจาน

เคล็ดลับในการคั้นน้ำมะนาว (ในยุคมะนาวแพง)

ก่อนอื่นคงต้องพูดถึง .. วิธีการเลือกซื้อมะนาว ....กันก่อนนะคะ ... โดยปกติเวลาเราจะซื้อมะนาวสักลูก  เราควรที่จะเลือกเอามะนาวที่มีเปลือกใสเงา และผิวเป็นสีเขียวค่ะ  เพราะแสดงว่ามันแก่ดี และผิวเขียวจะเก็บไว้ได้นานกว่าผิวสีเหลือง ....  แล้วก็เลือกลูกที่เวลาจับแล้ว รู้สึกนิ่มแบบเด้งๆ  เพราะนั่นแสดงว่าเป็นมะนาวแก่ น้ำจะเยอะ และเพิ่งเก็บมาไม่นาน  .... แต่อย่าเลือกมะนาวที่นิ่มแบบน่วมนะคะ  เพราะว่าถ้าเป็นมะนาวแบบนั้น  คือมะนาวที่ผ่านการคลึง หรือกระแทกเพื่อให้นิ่มน่วม  ไม่ใช่นิ่มแบบธรรมชาติอ่ะค่ะ   จะทำให้เวลาเอามาคั้นแล้ว บางทีน้ำมะนาวจะออกรสขมนิดๆ  และก็ยังทำให้เก็บไว้ไม่ได้นานอีกด้วยค่ะ ... อีกทั้งให้เลือกมะนาวแบบมีผิวเรียบ ไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ  ไม่มีจุดด่างดำ  เพราะมะนาวแบบนี้จะให้รสชาติและกลิ่นที่ดีกว่าอ่ะค่ะ

http://pim.in.th/images/others_img/1Pic/my-fruit-garden-129.JPG

หมายเหตุ 1 :: แต่ถ้าเป็นมะนาวไข่ ....  ซึ่งมีเปลือกค่อนข้างหนากว่ามะนาวแป้น  บางทีถึงจะแก่แล้ว  มีน้ำเยอะ  แต่ว่าเปลือกยังไม่ค่อยนิ่ม...ก็มีนะคะ  อย่างพันธุ์ที่บ้านพิมปลูกอยู่นี่เลย  เปลือกหนาสุดๆ แต่น้ำเยอะมากๆ

หมายเหตุ 2 :: แต่ว่านะ ... หน้านี้มะนาวมันแพงมาก  เพราะแล้งสุดๆ แล้วก็ร้อนมากๆ  อีกทั้งบำรุงยังไงก็ไม่ออกดอกออกผลเหมือนปีก่อน ๆ ..... คงจะเป็นไปได้ยากที่จะปล่อยให้มะนาวแก่จัดเต็มที่แล้วชาวสวนเค้าถึงจะค่อย เก็บมาขายเรา  ... สมมติแต่เดิมหน้ามะนาวถูก ก็รอให้มะนาวแก่สัก 90% ค่อยเก็บมาขาย แต่ตอนนี้ได้สัก 70% ก็เก็บแล้วค่ะ เพื่อกะตังค์อ่ะ

ตะแกรงย่างปลา..ล้างยากมากๆ จะล้างยังไงดี ?

เวลาเพื่อนๆ ย่างอาหารทานกันในบ้าน  เคยเจอปัญหาเศษอาหารไหม้ติดตะแกรงกันบ้างไหมค่ะ ... แล้วถ้าเจอเพื่อน ๆ มีวิธีการแก้ปัญหาหรือวิธีล้างยังไง  ......  วันนี้พิมเลยขอเอาวิธีที่บ้านพิมมาเสนอกันค่ะ  รับรองว่าถ้าทำตามวิธีของพิม เพื่อนๆ จะได้ตะแกรงที่สะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนของใหม่เลยค่ะ

http://pim.in.th/images/others_img/1Pic/giants-111.jpg

วิธีล้างตามแบบของพิมก็คือ .... พิมจะผสมน้ำยาล้างจาน กับน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นใส่ไว้ในกาลังหรือถาดก้นลึกที่ใบใหญ่กว่าตะแกรงสักหน่อยค่ะ  .... ผสมๆ ให้ทั้งสองอย่างเข้ากันดี  แล้วก็เอาตะแกรงลงไปแช่ .... ทิ้งไว้แค่ประมาณ 1 ชม. คราบอาหารก็จะอ่อนตัว  แค่เอาแปรงหรือฟองน้ำถูเบา ๆ คราบอาหารและสิ่งสกปรกก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดายเลย   ^__^  เสร็จแล้วเพื่อน ๆ ก็เอาไปล้างน้ำสะอาดอีกสักครั้งสองครั้ง ... เป็นอันว่าจะได้ตะแกรงย่างอาหารสะอาดเอี่ยมอ่องไว้ใช้ครั้งต่อไปแล้วล่ะค่ะ

ที่สำคัญ (มากๆ)  ก็คือ ..... พอเลิกย่าง ต้องรีบล้างทันทีนะคะ อย่าปล่อยทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน (หรือข้ามสองวันสามคืน)   เพราะว่ายิ่งปล่อยทิ้งไว้นานเท่าไหร่คราบสกปรกจะติดแน่นจนล้างออกยากมาก ๆ เลยค่ะ

ทำไมหั่นหัวหอมแล้วน้ำตาไหล T___T

เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมค่ะว่าทำไมเวลาที่เราหันหัวหอมแล้วน้ำตาเรามักจะไหล หรือไม่ก็แสบตาอยู่เสมอ .... นั่นเป็นเพราะว่าในหัวหอมจะมีสารตัวนึงที่ชื่อว่า  Syn-propanethial-S-oxide (C3H6OS) ค่ะ ซึ่งเจ้าสารนี้เนี่ย เวลาอยูในหัวหอมเฉย ๆ ก็จะไม่มีอะไรค่ะ   ประมาณว่าต่อให้เอาหัวหอมทั้งหัวมาตั้งใกล้เราขนาดไหน  เจ้าสารนี้ก็ไม่ส่งผลอะไร ยังไงเราก็ไม่แสบตาค่ะ ......  แต่ถ้าเมื่อไหร่เซลล์ของหัวหอมถูกทำให้แตก (ด้วยการหั่น หรือสับ หรือบด)  เจ้าสารนี้ก็จะค่อย ๆ ระเหยเป็นไอออกมา  ทำให้คนหั่นและคนรอบข้างระคายเคืองตา แสบตา และก็น้ำตาไหลได้ค่ะ

แต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ย.......  ไอ้เจ้าสารในหัวหอมจะส่งผลต่อเราชาวบ้านๆ เท่านั้นนะคะ  แต่กับพ่อครัวแม่ครัวที่มีทักษะการใช้มีดเก่ง ๆ เวลาเค้าหั่นหัวหอม เค้าจะไม่แสบตาหรือว่าน้ำตาไหลเลยค่ะ   เพราะเหตุว่าเค้าใช้มีดที่คมกริบและการหั่นที่รวดเร็วมาก  ทำให้เจ้าเซลล์ของหัวหอมเกิดความรู้สึกช้า (ว่าตัวเองถูกหั่นไปแล้วนะ)  สารนั่นก็เลยยังไม่ทันได้ระเหย  หรือระเหยออกมาน้อย หรือว่าค่อนข้างช้าน่ะค่ะ

วันนี้เพื่อน ๆ กินข้าวเช้าแล้วหรือยังค่ะ

http://www.pim.in.th/images/others_img/1Pic/pim-breakfast.JPG

เมื่อก่อนโน้น ......เพื่อนพิมคนนึงที่เป็นหมอ  เค้ามักจะถามพิมอยู่เสมอ ๆ เวลาโทรคุยกันว่า วันนี้พิมกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง ... ถามครั้งแรก ๆ พิมก็เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าเพื่อนถามตามมารยาท (ฮ่ะๆ)

แต่พอถามบ่อยเข้า พิมก็เลยชักจะสงสัยค่ะ ก็เลยถามเพื่อนว่าทำไมล่ะ ทำไม..ข้าวเช้ามันสำคัญอะไรมากมายขนาดที่เพื่อนต้องถามพิมอยู่บ่อย ๆ ว่ากินข้าวเช้าแล้วหรือยัง

แล้วเพื่อนพิมก็เฉลยให้ฟังค่ะว่า  ........ ที่ถามเนี่ย เพราะเป็นห่วง เนื่องจากพิมมีนิสัยไม่ค่อยกินข้าวเช้า (คือทำงานเพลินจนลืมกิน) ......  เพื่อนพิมบอกว่าข้าวเช้าถือเป็นข้าวมื้อสำคัญที่ของสุดแต่ละวันเลยนะ  และให้กินมากได้เท่าที่ร่างกายอยากจะกิน (เพราะยังไงร่างกายก็ดึงเอาพลังงานจากอาหารเช้ามาใช้ได้หมด ไม่เหมือนอาหารเย็น)   แถมถ้ากินให้ได้แบบหลากหลายยิ่งดี   (ประมาณว่าไม่ใช่แซนด์วิช - ข้าวเหนียวหมูย่าง หรือกาแฟเหมือนๆ กันทุกวัน)

เพื่อนพิมยังบอกอีกว่า  ..... เวลาที่คนเราไม่กินข้าวเช้า จะทำให้ร่างกายไม่มีพลังงานจากอาหารเช้าไปใช้  ดังนั้นร่างกายเลยจะไปดึงเอาสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นมาใช้แทน  (แต่ไม่ได้ดึงไขมันน้ออ แบบว่าไขมันยังอยู่ครบค่ะ)  ..... ซึ่งการที่ร่างกายทำแบบนี้ จะก่อให้เกิดกรดชนิดนึงออกมาด้วย  ซึ่งจะส่งผลทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย  ร่างกายเหมือนล้า ๆ และสมองไม่ค่อยแล่น  และก็ส่งผลเสียอีกหลาย ๆ อย่างต่อร่างกายของเรา  ซึ่งเจ้าผลเสียเหล่านี้เนี่ยจะปรากฎเห็นชัดแจ้งก๋เมื่อเรามีอายุมากขึ้นอ่ะค่ะ  (ประมาณว่าตอนนี้ยังไม่เห็นชัด)

กินปลามากแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี ?

http://www.pim.in.th/images/others_img/fish2.JPG

พิมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงจะทราบดีว่า "ปลา" เป็นเนื้อสัตว์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเรามากที่สุด  บางคนบอกว่ายิ่งกินปลาเยอะ สมองจะยิ่งดี ... แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า ไอ้ที่ว่าให้กินเยอะเนี่ย มันจะต้องกินขนาดไหน .. วันนี้พิมมีคำตอบมาฝากกันค่ะ

"เนื้อปลา" เป็นเนื้อสัตว์ที่ดีต่อสุขภาพของคนเราจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าเนื้อปลานั้นมีไขมันน้อยเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น แถมยังมีแร่ธาตุสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แล้วก็ยังย่อยง่ายอีกด้วยนะคะ ... จึงทำให้ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่เหมาะกับผู้ป่วย เหมาะกับผู้สูงอาุยุ และเหมาะกับคนทุกวัย ทุกเพศเลยค่ะ

ในเมื่อเนื้อปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ดีต่อสุขภาพของเรามากมายขนาดนี้แล้ว จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า แล้วกินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอหรือดีต่อสุขภาพของเราจริง ๆ

ในหนังสือเล่มนึงที่เกี่ยวกับโภชนาการ..ที่พิมได้เคยอ่าน    เค้าบอกเอาไว้ว่า  ในอาหาร 3 มื้อของคนเราแต่ละวัน ควรจะมีหนึ่งมื้อที่มีอาหารที่ทำจากปลาเป็นหลักค่ะ  จะเป็นทอด นึ่ง ต้ม ตุ๋น ย่าง ผัด ... อะไรก็ได้ ...... ขอให้เป็นปลา  (แต่ว่าเป็นนึ่ง ต้ม จะดีกว่าอย่างอื่นนะคะ) ... และก็ควรจะกินแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนชนิดปลาไปเรื่อย ไม่กินซ้ำชนิดกันบ่อ ๆ  เช่น วันนี้กินปลาช่อน พรุ่งนี้กินแซลมอน มะรืนเป็นปลาทู  อีกวันเป็นปลานิลเผา อีกวันเป็นปลาหมอย่าง  ... ทำนองนี้ ...... ซึ่งแค่เพียงเท่าที่ก็จะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเราแล้วค่ะ

หั่นพริกแล้วแสบมือ ทำยังไงดี ?

หั่นพริก เด็ดพริกแล้วแสบมือ ปวดแสบปวดร้อนมือ .... จะทำยังไงดี....... วันนี้พิมมีคำแนะนำมาฝากค่ะ

วิธีที่ 1 แช่มือในน้ำเกลือที่เค็มจัดๆ ประมาณ 2-3 นาที จะรู้สึกดีขึ้น

วิธีที่ 2 ใช้เกลือป่นถูมือสักพัก อาการปวดแสบปวดร้อนจะค่อย ๆ หายไป

วิธีที่ 3 ทาถูมือด้วยน้ำมันพืช (ที่ัยังไม่ได้ใช้) สักพักจะรู้สึกดีขึ้น ก็ค่อยล้างมือ

วิธีที่ 4 แช่มือในน้ำซาวข้าวเหนียว  สักพักอาการแสบร้อน จะค่อยๆ หายไป

ซึ่งวิธีทั้งหมดที่พิมบอกมานี่ พิมลองแล้วค่ะ ใช้ได้ผล  แต่จะมากน้อยขนาดไหน  ทำแล้วหายไวแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ของพริกและปริมาณด้วยนะคะ

ทำไมแตงกวาจึงมีรสขม เพราะงูเลื้อยผ่านหรือเปล่า ?

เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมค่ะว่า ทำไมบวบบางลูก แตงกวา-แตงล้านบางลูกมันถึงขม  แล้วทำไมบางลูกมันไม่ขม .. ไอ้ที่มันไม่ขม ไม่ขมเพราะอะไร  แล้วเหตุที่ขมมันคืออะไร ทำไมมันต้องขมด้วย  ... วันนี้พิมมีความรู้เรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

ความขมของแตงกวา แตงล้าน และบวบ เกิดจากสารในผลแตง ผลบวบที่มีชื่อว่า Cucurbitacin ค่ะ ซึ่งเจ้าสารตัวนี้เนี่ย ส่งผลทำให้เกิดรสขมในต้นอ่อน ราก ลำต้น ใบ และผล ของพืชตระกูลแตงทั้งหลายค่ะ

ในพืชตระกูลแตงทั้งหลาย ไม่ว่าจะแตงล้าน แตงกวา บวบ ... จะมีสารตัวนึงซึ่งชื่อว่า Cucurbitacin ที่เกิดจากยีน 2 ตัว ..... ช่วยควบคุมรสขมอยู่ค่ะ  แล้วเจ้ายีน 2 ตัวนี้เนี่ย  ถ้ามันเป็นยีนเด่นมันก็จะควบคุมทำให้แตงไม่เกิดรสขม  แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นยีนด้อย  (เกิดจากสายพันธุ์)   มันก็จะไปห้ามการสร้างสาร CuCurbitacin   ซึ่งเมื่อสาร cucurbitacin ไม่ถูกสร้างขึ้นมา  ก็จะส่งผลให้เอนไซน์ที่ชื่อว่า Elaterase ไปทำปฏิกิริยาดึงน้ำจากผลออก จนทำให้พืชตระกูลแตงมีรสขม   โดยรสขมจะมีมากในปลายผลทั้งสองด้าน (ตรงกลางจะไม่ค่อยขม)  และยังระบาดหรือส่งผลไปยังผลแตง ผลบวบที่อยู่ข้างเคียงอีกด้วย

นอกจากนี้... อุณหภูมิที่สูงเกินไป ความชื้นที่ต่ำเกินไป  หรือว่าโดนแสงน้อยไป  ระยะห่างระหว่างต้นน้อยเกินไป  ใส่ปุ๋ยน้อยไป หรือการที่มีโรคทางใบ ก็เป็นอีกหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดรสขมในพืชตระกูลแตงได้อ่ะค่ะ

กินขนมเปียกปูนบ่อยๆ จะเป็นมะเร็งไหมค่ะ ?

หลายคนคงจะรู้ว่าสีดำๆ ของขนมเปียกปูนดำนั้น ทำมาจากกาบมะพร้าวที่นำมาเผาไฟจนดำ นำไปป่นละเอียด แล้วนำมาผสมน้ำสะอาด คั้นออกมาเป็นน้ำสีดำ แล้วถึงนำมาผสมกับแป้งและส่วนผสมอื่นๆ กลายเป็นขนมเปียกปูนดำ  ....... ซึ่งตามที่ได้เราได้เคยรู้กันมาว่าอาหารย่าง ทอดที่ไหม้ๆ เกรียมๆ มีสีดำนั้น  เป็นสารก่อมะเร็ง  ดังนั้นแล้วหลายคนจึงเกิดความสงสัยว่าแล้วถ้ากินขนมเปียกปูนสีดำบ่อยๆ จะเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งมากขึ้นหรือเปล่า วันนี้พิมมีคำตอบมาฝากกันค่ะ

เมื่อเรานำอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไปย่างหรือทอด จนไหม้ มีสีดำเกรียมนั้น  โปรตีนที่อยู่ในเนื้อสัตว์ส่วนที่โดนเผาจนไหม้นั้นจะกลายเป็นไนโตรซามีน  ซึ่งเจ้าไนโตรซามีน เป็นสารที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้  แต่ใช่ว่ากินเนื้อสัตว์ย่างแล้วจะเป็นมะเร็งทุกคน ... ก็ไม่ใช่นะคะ

ส่วนกาบมะพร้าวหลังจากเผาไหม้เสร็จ มันจะกลายเป็นคาร์บอนเฉย ๆ  ตัวเดียวกับถ่าน  ไม่ได้กลายเป็นไนโตรซามีน  เพราะในกาบมะพร้าวมันไม่มีโปรตีน  ดังนั้นนอกจากกาบมะพร้าวเผา จะไม่ก่อให้เกิดโทษกับร่างกายแล้ว  ด้วยคุณสมบัติของคาร์บอน ยังช่วยลดแก๊ซที่เกิดขึ้นในกะเพาะอีกด้วยค่ะ

ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก