header



ถ้าถามถึงจังหวัดสระแก้ว พิมเชื่อว่าหลายคนอาจจะงง ๆ และถามพิมกลับว่าจังหวัดนี้อยู่ตรงไหนของประเทศไทย   แต่ถ้าถามว่าแล้วรู้จักโรงเกลือไหม พิมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องรู้จัก แต่แค่ไม่รู้จักว่ามันอยู่ในจังหวัดสระแก้วก็เท่านั้นเองค่ะ ^^ 

สระแก้ว เป็นจังหวัดนึงของประเทศไทยที่อยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกนะคะ  (บางคนอาจจะคิดว่าภาคอิสานเน๊าะ ^^")    สมัยก่อนเนี่ยสระแก้วเป็นตำบลนึงในจังหวัดกบินทร์บุรีค่ะ   ต่อมากบินทร์บุรีถูกยุบรวมเป็นอำเภอนึงของจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงประมาณปี 2501 สระแก้วก็เลยกลายเป็นอำเภอนึงของปราจีนบุรีไปนะคะ   แล้วต่อมาราวๆ ปี 2536 ด้วยจำนวนผู้คนที่มากขึ้น และด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง  สระแก้วก็ถูกขยับฐานะให้เป็นจังหวัดที่ 74  ของประเทศไทยแทนอ่ะค่ะ 

เมื่อพูดถึงจังหวัดสระแก้วเนี่ย พิมเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็รู้แค่ว่านั่นคือจังหวัดสระแก้วเน๊าะคะ   แต่ก็จะไม่รู้ว่าจังหวัดสระแก้วมีดีอะไร มีของกินอะไรที่น่าสนใจ และมีที่เที่ยวตรงไหนบ้าง (ที่ยกเว้นโรงเกลือ)  อ่ะค่ะ  เพราะนั้นแล้ววันนี้พิมก็เลยอยากจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวสระแก้วกันนะคะ  รับรองว่างานนี้ทั้งอร่อย และสนุกตลอดทริปแน่นอนค่า ^_^

sra keaw 2 019

sra keaw 1 01

ทริปนี้ของพิม เป็นทริป 2 วัน 1 คืน ที่เดินทางในช่วยปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมานะคะ  โดยหลังจากที่พิมกินข้าวเช้าจากที่บ้านเรียบร้อยแล้ว  จุดหมายแรกของพิมก็คืออุทยานแห่งชาติปางสีดาอ่ะค่ะ  (ขอบอกเลยว่า อยากมานานมากๆ แล้วจ้า) 

101

sra keaw 1 02

อุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่นะคะ (หลายคนน่าจะรู้จักเขาใหญ่เน๊าะ)  ตัวอุทยานเนี่ยมีพื้นที่ประมาณ 5 แสนกว่าไร่ ครอบคลุม 4 อำเภอ ในจังหวัดปราจีนบุรีกับสระแก้วอ่ะค่ะ   สภาพป่าของปางสีดาเนี่ย จากที่ได้มีนักวิชาการเข้าไปสำรวจ ก็พบว่าในปัจจุยันเนี่ย  ความสมบูรณ์ยังมีมากกว่า 90% เลยนะคะ  และด้วยความสมบูรณ์นี่แหละก็เลยทำให้เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหายากและนกกว่า 300 ชนิด   รวมไปถึงจรเข้น้ำจืดที่หลายคนเชื่อกันว่า เหลืออยู่ที่นี่เป็นที่เดียวในประเทศไทยเลยอ่ะค่า 

sra keaw 1 04

sra keaw 1 05

แต่วันนี้เนี่ย พิมไม่ได้จะมาพาเพื่อน ๆ ไปดูจรเข้กันนะคะ  ^_^ เพราะถึงอยากดู มันก็ไม่ออกมาให้ดูค่ะ >_<     แต่พิมจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปดูผีเสื้อกันต่างหากนะคะ   เพราะที่ปางสีดาเนี่ย นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นป่าที่มีนกเยอะแล้ว  ก็ยังมีผีเสื้อเยอะอีกด้วยอ่ะค่ะ  ^_^        และทุกช่วงเดือนมิถุนา-กรกฎา (ปีนี้เห็นว่ามีถึงสิงหา)   ที่นี่เค้าก็จะมีการจัดเทศกาลดูผีเสื้อที่ปางสีดากันด้วยนะคะ   ซึ่งแน่นอนว่างานนี้มาสระแก้วทั้งที แถมยังมาตรงกับช่วงเทศกาลผีเสื้ออีก คนที่ชอบของสวย ๆ งาม ๆ อย่างพิมไม่พลาดแน่นอนจ้า

(ภาพด้านล่าง - โป่งเทียมสำหรับผีเสื้อ) 

sra keaw 1 06

พูดถึงผีเสื้อแล้ว  ตามที่พิมได้เคยอ่านข้อมูลจากข่าวประชาสัมพันธุ์ต่าง ๆ เค้าบอกเอาไว้ว่าปางสีดาเนี่ย มีผีเสื้อเยอะถึง 350 กว่าสายพันธุ์เลยนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นวงศ์บินเร็ว  (เข้าใจว่าผีเสื้อกลุ่มนี้น่าจะบินเร็วมาก เลยได้ชื่อนี้)   วงศ์หนอนกะหล่ำ  วงศ์หางติ่ง ผีเสื้อกาหลิบแดง  ผีเสื้อลายซิกแซก ผีเสื้อพระเสาร์ใหญ่  ผีเสื้อฟ้าเฟลเดอร์ตาแมวม่วง และผีเสื้ออื่น ๆ อีกมากมายหลายพันธุ์เลยอ่ะค่ะ  

ซึ่งผีเสื้อที่นี่เนี่ย ค่อนข้างตื่นเสียงดังพอสมควรนะคะ (ตามธรรมชาติของสัตว์ป่า)  เพราะงั้นแล้วถ้าเพื่อน ๆ มาชมผีเสื้อที่นี่  ควรมาชมในช่วงประมาณ 6 โมงถึง 11 โมงเช้านะคะ  พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ควรเกินนี้  ถ้า 7-8-9 โมงยิ่งดี  เพราะผีเสื้อชอบแสงแดดอ่อน ๆ ค่ะ   และที่สำคัญอย่าส่งเสียงดังนะคะ  ไม่ว่าจะเดิน คุย  ให้เบาและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ  ...... ถ้าทำได้อย่างนี้ รับรองว่าเราจะได้ชมผีเสื้อสวย ๆ กันอย่างใกล้ชิดแบบพิมแน่นอนค่า

01

03

02

พูดถึงผีเสื้อแล้ว ไม่พูดถึงจุดชมผีเสื้อคงไม่ได้ ..... เพราะที่ปางสีดานี่มีจุดให้เราได้ไปชิม เอ๊ยย ไปชิมผีเสื้อกันอยู่หลายจุดเลยนะคะ แต่จุดที่เน้น ๆ ที่เราเหล่านักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปดูได้เลยแบบไม่ต้องไปขออนุญาติใครก่อน  ก็อยู่บริเวณจุดดูผีเสื้อด่าน 2 (โป่งรับแขก)  ลานจอดรถทางลงน้ำตกปางสีดา ลานฮอ  โป่งฝายน้ำล้นหลังโรงอาหารอุทยานฯ  ทุ่งหญ้าแปลงปลูกป่า  หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (หลังเก่า)  ลานกางเต็นท์หลังศูนย์ฯ และต้นไม้ 2 ข้างทาง ที่กำลังออกดอกอ่ะค่ะ  เพราะงั้นแล้วเพื่อน ๆ ถนัดตรงไหน ชอบไปตรงไหน ก็เอาตามที่สะดวกเลยจ้า 

sra keaw 1 07

sra keaw 1 08

sra keaw 1 11

sra keaw 2 062

และนอกจากแหล่งดูผีเสื้อแล้ว  ด้วยความที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาเป็นแหล่งต้นน้ำสายสำคัญของแม่น้ำบางปะกง  (ที่ไหลมาจากน้ำตกเหวนรก-เขาใหญ่ อีกที) ก็เลยทำให้อุทยานแห่งชาติปางสีดามีน้ำตกหลายแห่งเลยอ่ะค่ะ   ซึ่งน้ำตกที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี  แบบว่าสามารถขับรถเข้าไปจอดใกล้ ๆ น้ำตกได้เลย ก็คือน้ำตกปางสีดานะคะ    ส่วนน้ำตกอื่นๆ  เช่น น้ำตกน้ำตกผาตะเคียน น้ำตกลานแก้ว น้ำตกแควมะค่า น้ำตกทับซุง น้ำตกถ้ำค้างคาว จะอยู่เข้าไปในป่าลึกหน่อย  ประมาณว่าจอดรถแล้วต้องเดินอย่างน้อย 2 กม. อ่ะค่ะ    เพราะงั้นวันนี้พิมขอพาไปชมแค่น้ำตกปางสีดาอย่างเดียวก่อนเน๊าะคะ  แล้วเดี๋ยววันไหนฤกษ์งามยามดี  มีเวลาเยอะ ๆ  พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน้ำตกอื่นๆ กันอีกค่ะ ^^

sra keaw 1 62

น้ำตกปางสีดา เป็นน้ำตกที่อยู่ห่างจากถนนสายหลักในอุทยานแค่ประมาณ 100 เมตรเท่านั้นนะคะ เรียกว่าเดินไม่ทันหายเหนื่อย ก็ถึงตัวน้ำตกแล้วค่ะ   น้ำตกปางสีดาแม้จะเป็นน้ำตกที่มีความสูงแค่ 8 เมตร   แต่ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำใหญ่  มีปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายวนไปมา  แถมยังมีต้นไม้ เยอะ  มีผีเสื้อแปลกตาเยอะ .. ในช่วงหน้าฝน  บางวันก็เลยจะมีนักท่องเที่ยวมานั่งพักผ่อน เดินชมธรรมชาติกันพอควรเลยอ่ะค่ะ 

น่าเสียดายว่าช่วงที่พิมไป เพิ่งผ่านหน้าแล้งมาหมาด ๆ  แถมปีนี้ฝนก็ยังไม่ค่อยตก  เลยทำให้น้ำตกมีน้ำน้อยไปนิด  แต่คิดอีกทีก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบเน๊าะคะ ^^    (หน้าน้ำเยอะจะเป็นช่วงกันยา ตุลา พฤศจิกาค่ะ) 

sra keaw 1 61

sra keaw 1 63

และหลังจากดูผีเสื้อ นั่งเล่นที่น้ำตกสักพัก  พิมก็เริ่มหิวข้าวแล้วอ่ะค่ะ -*-  ก็เลยชวนคุณสามีว่าไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีกว่า  ซึ่งเท่าที่พิมลองหาข้อมูลดูแล้ว  แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหารสักเท่าไหร่นะคะ  (ไม่ใช่ว่าไม่มีร้านอร่อยนะ แต่ไม่ค่อยมีร้านอาหาร)   แต่ถ้าขับรถไปอีกสักประมาณครึ่งชั่วโมง ที่อ่างเก็บน้ำพระปรง  จะมีร้านที่มีอาหารอร่อย ๆ ให้เราเลือกทานเยอะเลยค่ะ  เพราะงั้นแล้วจะรีรออะไร ตรงไปที่อ่างเก็บน้ำพระปรงเลยค่า

102

อ่างเก็บน้ำพระปรงเนี่ย จะว่าไปก็เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดานะคะ  เพียงแต่ว่าจะอยู่อีกฝั่งนึง คนละฝั่งกับที่พิมไปดูผีเสื้อเมื่อกี้อ่ะค่ะ   อ่างเก็บน้ำพระปรงเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่มาก และสร้างเพื่อกั้นต้นน้ำห้วยพระปรงที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติปางสีดานะคะ

และด้วยความที่อ่างห้วยพระปรงเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แถมยังขึ้นชื่อเรื่องของความอุดมสมบูรณ์   ก็เลยทำให้ที่อ่างนี้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของปลาน้อยใหญ่มากมายหลายชนิดเลยอ่ะค่ะ 

แต่ความมีเสนห์ของอ่างเก็บน้ำพระปรงไม่ได้อยู่ที่ขนาดใหญ่หรืออยู่ที่มีปลาเยอะนะคะ  ^_^  แต่อยู่ที่การได้นั่งเรือ ล่องแพชมวิวธรรมชาติ  ได้ดูนกนานานชนิด โดยเฉพาะนกน้ำขนาดใหญ่ที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์อย่าง “นกอ้ายงั่วหรือนกงู”  ที่เคยมีรายงานการพบนกชนิดนี้ที่นี่มากถึง 70-100 ตัวเลยอ่ะค่ะ  

และที่สำคัญนอกจากที่นี่จะมีวิวสวย มีนกเยอะแล้ว  (แต่นกต้องลงเรือไปดูนะคะ)  ก็ยังมีร้านอาหารแนวอิสานอร่อย ๆ  อีกด้วยอ่ะค่า (อันนี้สำคัญสุดเลย) 

sra keaw 1 64

sra keaw 1 19

ร้านอาหารที่พิมมาฝากท้องมื้อเที่ยงวันนี้ ชื่อว่าร้านสมปองปลาเผานะคะ  เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมอ่างเลยอ่ะค่ะ ประมาณว่าขับรถตรงมาในบริเวณอ่าง จะเจอเป็นร้านแรกฝั่งขวามือเลยนะคะ    แถมนอกจากจะหาง่าย อาหารอร่อย  วิวสวย  บรรยากาศงามแล้ว  ลมก็ยังพัดเย็นมากๆ  เลยค่ะ

สำหรับอาหารมื้อนี้ที่พิมสั่งไป ก็จะมีต้มยำปลาคัง  มียำรวมมิตร ลาบหมู   ส้มตำไทย และก็ปลาทับทิมเผาเกลือนะคะ  อาหารโดยรวมของที่นี่ราคาเฉลี่ยถ้าเป็นพวกส้มตำ จะอยู่ที่จานละ  35-50  ยำลาบจะอยู่ที่จานละ 100-120 ต้มยำจะอยู่ที่หม้อละ 150  และถ้าเป็นปลาเผา ปลาทอด ปลานึ่ง จะอยู่ที่จานละประมาณ 250 ค่ะ   ^_^   

sra keaw 1 14

เริ่มจากจานแรก #ตำไทย   ขอบอกว่าหน้าตาธรรมดา ๆ แบบนี้ แต่รสชาติใช้ได้เลยค่ะ  ไม่เผ็ดมาก แล้วก็เปรี้ยวหวานกลมกล่อมกำลังดี   ที่สำคัญ #มะละกอกรอบ กินแล้วไม่เหนียว ไม่ติดฟัน ตรงนี้ดีงามเลยค่า

sra keaw 1 13

ต่อมาเป็นจานสองนะคะ #ลาบหมู  เมนูพื้น ๆ ประมาณว่าสั่งทานที่ไหนก็ได้   แต่สั่งทานที่นี่นอกจากปริมาณจะเยอะแล้ว  (เมื่อเทียบกับราคาร้อยนึง)  รสชาติก็ยังใช้ได้อีกด้วยค่ะ  แต่น่าเสียดายว่าเค้าไม่มีผักแกล้มมาให้ด้วย  ถ้ามีล่ะดีงามเลยค่า

sra keaw 1 15

จานสาม อันนี้เป็นยำรวมมิตรนะคะ   ....... จานนี้พิมแอบขำนิ๊ดดดนึงอ่ะค่ะ  คือยำรวมมิตรตามประสาพิม ก็คือยำรวมเนื้อสัตว์หลายอย่าง เช่น หมึก กุ้ง หมูสับ ลูกชิ้นปลา หอยแมลงภู่ ไส้กรอก ปูอัด ฯลฯ  แล้วก็ใส่วุ้นเส้น ใส่ถั่วลิสงทอดด้วยประมาณนี้เน๊าะคะ   .... แต่...แต่...แต่  ด้วยเหตุผลหลายๆ  อย่าง  เช่น ระยทางที่ห่างจากตัวเมือง  และห่างไกลตลาด  อีกทั้งปกติแล้วไม่ค่อยมีใครสั่งเมนูประมาณนี้กิน   ยำรวมมิตรของที่นี่ก็เลยกลายเป็นยำที่มีส่วนผสมแค่หมูสับปั้นก้อน กับกุ้งลวกสุก และ หอมใหญ่กับมะเขือเทศเท่านั้นเองอ่ะค่ะ   .....   แต่ดีว่ารสชาติอร่อยใช้ได้  จานนี้ก็เลยโอเคค่า 

sra keaw 1 16

ส่วนอย่างที่ 4 #ต้มยำปลาคัง  .. เห็นหน้าตาเบา ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรแบบนี้ ขอแนะนำเลยค่ะว่าถ้ามาที่นี่ ต้องสั่งมากินนะคะ เพราะว่าอร่อยมากกกก  เค้าทำมาได้แบบรสเปรี้ยว  เผ็ด เค็มกลมกล่อม   แล้วก็หอมกลิ่นสมุนไพรมากๆ เลยค่ะ  ที่สำคัญเนื้อปลาไม่มีความคาวเลย  .. คือปกติพิมไม่ชอบกินพวกปลาต้ม ปลานึ่งนะคะ รู้สึกว่ามันแหยะๆ  แล้วก็มีกลิ่นเฉพาะตัว  แต่ที่นี่ต้มปลาออกมาได้สุกกำลังดี และเป็นชิ้นสวยงาม  เนื้อปลาไม่นิ่มไปแข็งไป แล้วก็รู้สึกได้ถึงความสดของปลาที่เอามาใช้ทำเลยอ่ะค่ะ  ยังไงถ้าเพื่อนๆ  มาที่นี่ แนะนำให้ลองสั่งมากินเลยนะคะ  

04

ส่วนจานสุดท้าย  จานนี้เด็ดสุดๆ  ไม่ใช่แค่ควรสั่ง แต่พิมว่าถ้ามาที่นี่ต้องสั่งเลยค่ะ กับปลาเผาเกลือ จะเป็นปลาอะไรก็ได้  แต่วันนี้พิมเลือกเป็นปลาทับทิมนะคะ    เค้าย่างออกมาได้กำลังดี เนื้อปลาสุกนุ่มแต่ไม่เละ และไม่แห้ง  มีความหอมจากสมุนไพรที่ยัดเข้าไปในท้องปลา  แล้วเสริฟมาแบบร้อนๆ พร้อมกับแจ่ว (น้ำพริกขี้กา-ตำเมื่อมีคนสั่ง-อร่อยสุดๆ)  มะเขือยาวย่าง  และน้ำจิ้มแบบแซ่บๆ ..... ขอบอกว่าในบรรดาอาหารที่พิมสั่งมา จานนี้แม้จะรอนานที่สุด แต่ก็อร่อยที่สุดของที่สุดเลยค่ะ   

พวกปลาเผา เค้าจะย่างต่อเมื่อมีลูกค้ามาสั่ง   ซึ่งใช้เวลาย่างประมาณ 50 นาที - 1 ชม. ดังนั้นแล้วถ้ามาสั่งเมนูนี้ทาน ต้องใจเย็น ๆ นิ๊ดดดดนึงนะคะ  ประมาณว่ากินอย่างอื่นรอไปก่อน แล้วค่อยปิดด้วยปลาเผาเกลือเป็นอย่างสุดท้ายอ่ะค่ะ

อีกเรื่องคือที่นี่ไม่มีบริการข้าวเหนียวนะคะ  ซึ่งพิมก็แอบแปลกใจ เพราะอาหารมันดูเข้ากับข้าวเหนียวมาก ๆ แต่เจ้าของร้านบอกว่าคนแถวนี้ เค้าไม่นิยมกินข้าวเหนียว จะกินพวกนี้กับข้าวสวยมากกว่า ก็เลยไม่ได้หุงข้าวเหนียวไว้ เพราะหุงแล้วก็ขายไม่ได้อ่ะค่ะ  เพราะนั้นแล้วที่นี่ไม่มีข้าวเหนียว จะมีแต่ข้าวสวยนะคะ 

น้ำพริกขี้กาของที่นี่ อร่อยมาก พิมไม่เคยกินน้ำพริกขี้กาที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่มาก่อน ทั้งความหอม ทั้งรสชาติของน้ำพริกที่เข้มข้นแต่ไม่หนักเกิน   ถ้ามีคะแนนเต็ม 10 พิมให้ 20 เลยค่ะ .....  เพราะงั้นแล้วใครไปกินที่นี่ อย่าลืมใส่ถุงกลับมาฝากพิมด้วยนะคะ  อิอิ

sra keaw 1 17

sra keaw 1 18

จากอ่างเก็บน้ำพระปรง  หลังจากเติมพลังมื้อกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว  ก็ได้เวลาไปเที่ยวที่อื่นต่อกันล่ะค่า  จุดหมายอันดับถัดไปของพิมกับคุณสามีก็อยู่ที่ #ละลุ นะคะ 

sra keaw 1 20

104

#ละลุ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งล่าสุดของจังหวัดสระแก้ว ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว unseen  ของเมืองไทยเลยอ่ะค่ะ  ^_^   ซึ่งแม้ว่าเราจะมีถนนไปถึงหน้าละลุ  แต่ด้วยเส้นทางแคบๆ ที่ต้องขับผ่านเข้าไปในชุมชน  ขับผ่านทุ่งนาดินแฉะ ๆ  และขับขมภายในละลุ พิมเลยอยากแนะนำให้เราใช้บริการรถอีแต๊กนำเที่ยวที่มาพร้อมกับมัคคุเทศก์  เพื่อเข้าไปชมความงามของละลุจะดีกว่านะคะ   เพราะเราเองก็จะได้ทั้งความสะดวกสบาย  ได้ความรู้จากที่มัคคุเทศก์มาบรรยาย   ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายที่จะพารถไปติดหล่ม หรือเจอดิบยุบ   แล้วก็ยังได้ช่วยเหลือชาวบ้านให้มีรายได้มากขึ้น     ที่สำคัญค่ารถอีแต๊กพาเที่ยวพร้อมมัคุเทศก์แค่คันละ 200 บาท  แต่นั่งได้ 8-10 คน   ถ้าไปกันเยอะๆ  เฉลี่ยแล้วคนละ แค่ 20-30 บาทเอง  ถูกสุดๆ ค่ะ ^_^ 

sra keaw 1 38

(ถนนที่จะพาเราไปยังละลุ)

sra keaw 1 39

sra keaw 1 40

ละลุ ..  เป็นสถานที่่ท่องเที่ยวที่เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาตินะคะ   ละลุเกิดจากการที่น้ำฝนและความแรงลมกัดเซาะดิน จนทำให้ดินบางส่วนที่นุ่ม ๆ พังทลายยุบตัวลงมา เหลือแต่ดินที่มีความแข็งแรง และไม่ยุบตัวเมื่อถูกลมและฝนกัดกร่อนอ่ะค่ะ     ละลุจะมีลักษณะและรูปร่างแตกต่างกันไปตามสภาวะแรงลมและน้ำนะคะ  

sra keaw 1 65

sra keaw 1 67

sra keaw 1 68

บ้างก็เป็นรูปที่มองดูแล้วคล้ายกำแพงเมือง บ้างก็เป็นรูปทรงเหมือนหน้าผาขนาดใหญ่   บ้างก็คล้ายหอเอนปิซ่า  บ้างก็ลักษณะเหมือนปราสาท   บ้างก็เป็นแท่งๆ  บ้างก็เป็นรูปทรงแปลก ๆ จนอยากจะจินตนาการได้ว่าเหมือนอะไรอ่ะค่ะ (แล้วแต่คนมองเน๊าะ)  ^^"  ซึ่งในทุกๆปี ละลุก็จะมีการเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ขึ้นกับลมขึ้นกับฝนนะคะ   เพราะนั้นถ้ามาเที่ยวที่นี่ทุกปี รับรองว่าเพื่อน ๆ ก็จะเห็นละลุเปลี่ยนแปลงไปทุกปีเลยอ่ะค่ะ    และที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างนอกจากความสวยแปลกตาของละลุแล้ว  ก็คือพื้นที่บางส่วนของละลุจะอยู่กลางแปลงนาของชาวบ้านนะคะ   ทำให้เวลามองดูละลุซึ่งสีน้ำตาลทองอ่อน ๆ ตัดกับสีเขียวสดของต้นข้าวในยามหน้าฝน  ก็เลยกลายเป็นภาพที่สวยงามมาก  ชนิดที่ไม่สามารถหาดูได้ในกรุงเทพฯ และที่อื่นเลยอ่ะค่ะ  ^_^ 

sra keaw 1 69

sra keaw 1 70

sra keaw 1 72

sra keaw 1 73

#ละลุ ที่จังหวัดสระแก้วนี่จะว่าไปก็มีลักษณะคล้ายกันกับ #แพะเมืองผี ที่จังหวัดแพร่ และ #เสาดินนาน้อย ที่จังหวัดน่านนะคะ  ไม่รุ้ว่ามีเพื่อน ๆ  คนไหนเคยไปบ้างไหมอ่ะค่ะ  .... แต่ว่าถึงหน้าตาจะคล้าย ๆ กัน ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของพื้นที่ ในเรื่องของความสูง ขนาด  และรูปร่าง หน้าตาอยู่นะคะ    ซึ่งในบรรดา 3 ที่นี่เนี่ย  ละลุจะมีพื้นที่มากสุด  มีจำนวนแท่งดินมากสุด  และก็มีความหยักตื้นเยอะที่สุดอ่ะค่ะ  (แต่เหมือนว่าจะเตี้ยที่สุดด้วยนะ ^^)   แต่ไม่ว่าจะเสาดินนาน้อย แพะเมืองผี หรือละลุ  ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติประเภทนี้จะใช้เวลาในการก่อร่างสร้างตัวประมาณ 20,000-50,000 ปีเลยนะคะ  แล้วก็มีการสะสมของตะกอนดินที่ใช้เวลาถึง 150 ล้านปีเลยอ่ะค่ะ  แถมตรงไหนที่เป็นแท่งบาง ๆ เป็นมุมบาง  ๆ  ก็ยังมีความแตกหักง่ายด้วยนะคะ    >_<  เพราะงั้นแล้วเพื่อน ๆ คนไหนที่ไปเที่ยวละลุ หรือชอบสถานที่ท่องเที่ยวแนว ๆ นี้เหมือนพิม หากได้ไปก็อย่าลืมถ่ายรูปกันมาเป็นที่ระลึกเยอะๆ นะคะ  เพราะละลุเปลี่ยนไปทุกปีจ้า

ละลุมีโฮมสเตย์ด้วย ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ติดต่อได้ที่คุณรำไพ โคตรประทุม ประธานกลุ่มละลุโฮมสเตย์ โทร. 089 098 0772 นะจ๊ะ  ^_^

sra keaw 1 74

sra keaw 1 75

 จากละลุ  พิมตั้งใจว่าจะขับรถตรงดิ่งไปที่แถววัดนครธรรม ที่อยู่ในเขตอำเภอวัฒนานคร  เพื่อไปชิมข้าวหลามป้าบาง  ข้าวหลามเจ้าแรกของสระแก้วที่มีไส้สังขยาด้วนะคะ ^_^   แต่เผอิญว่าหลังจากออกจากละลุมาไม่ไกลนัก ประมาณ 10 กว่านาที  ระหว่างทางพิมผ่านสถานที่ ๆ เรียกกันว่า นานาธรรมสถาน  แล้วรู้สึกสนใจก็เลยขอแวะลงไปดูหน่อยอ่ะค่ะ

05

นานาธรรมสถาน  เป็นสถานปฎิบัติธรรมแห่งใหม่ของจังหวัดสระแก้วนะคะ  เกิดจากรวมตัวของพุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา  ที่มาร่วมตัวกันบริจาคเงินแล้วสร้างนานาธรรมสถานขึ้นมาอ่ะค่ะ    โดยตั้งแต่เริ่มสร้างจนถึงปัจจุบันใช้เวลาสร้างไปกว่า 3 ปีแล้วนะคะ  แม้จะยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่ก็เปิดให้เข้าไปชม เข้าไปถ่ายภาพได้อ่ะค่ะ  ^_^

sra keaw 1 21

sra keaw 1 22

sra keaw 1 23

ภายในบริเวณนานาธรรมสถาน ก็จะมีพระพุทธรูปประธานองค์ใหญ่มาก  3 องค์  และพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่รองลงมาอีก  320 องค์นะคะ  แล้วก็ยังมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีกกว่า 5000 องค์ด้วยอ่ะค่ะ   ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้างนานาธรรมสถานนี่  นอกจากจะเพื่อให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมแล้ว  ทางกลุ่มผู้สร้างก็ยังกะว่าจะทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมุมมองใหม่ของจังหวัดสระแก้วอีกด้วยอ่ะค่ะ   ดังนั้นแล้วใครที่ชอบสถานที่ท่องเที่ยวแนว ๆ นี้   ก็ลองมาแวะชมกันนะคะ  รับรองจะชอบค่ะ ^_^

sra keaw 1 24

sra keaw 1 25

sra keaw 1 27

จากนานาธรรมสถาน  แน่นอนว่าจุดหมายถัดไปของพิมก็ต้องเป็นร้านข้าวหลามป้าบาง ที่อยู่หลังวัดนครธรรม ในเขตพื้นที่อำเภอวัฒนานครนะคะ   

พูดถึงข้าวหลามแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ !! ทำไมพิมถึงต้องมากินข้าวหลามที่วัฒนานคร มันมีความพิเศษและแตกต่างจากข้าวหลามหนองมนตรงไหน พิมก็อยากจะเล่าให้ฟังอย่างนี้ค่ะ  .. คือปกติแล้วข้าวหลามที่เราซื้อ ๆ กัน มันจะเป็นกระบอกไม้ไผ่สีเขียว ๆ แข็งๆ ใช่ไหมคะ  แล้วเวลาทานก็จะต้องหาค้อนหรือหาอะไรแข็งๆ มาทุบให้กระบอกแตก เพื่อที่จะแกะเอาข้าวหลามข้างในมากินอ่ะค่ะ    แต่ข้าวหลามของที่นี่เนี่ย หลังจากเผาเสร็จแล้ว  คนขายเค้าจะปอกไม้ไผ่แข็ง ๆ ออก เหลือแต่ไม้ไผ่บาง ๆ  นะคะ  ทำให้นอกจากจะไม่หนักเวลาถือแล้ว  เวลาจะกินก็ไม่ต้องลำบากไปหาค้อนมาทุบ  แค่เอามือบีบเบา ๆ กระบอกก็จะแตก เราก็สามารถใช้ช้อนตักข้าวหลามมากินได้เลยอ่ะค่ะ  ^_^ 

sra keaw 1 29

sra keaw 1 31

sra keaw 1 34

sra keaw 1 35

และหลังจากที่พิมได้ซื้อมาชิม  ก็พบว่าข้อแตกต่างอีกอย่างนึงระหว่างข้าวหลามบ้านพร้าวกับข้าวหลามหนองมน ก็คือรสชาติของข้าวเหนียวที่อยู่ในกระบอกนะคะ     โดยข้าวหลามหนองมน  ข้าวเหนียวในกระบอกรสชาจิจะเบาๆ  แต่ตรงปากกระบอกจะรสชาติเข้มข้นมากเลยอ่ะค่ะ    ส่วนข้าวหลามบ้านพร้าว ทั้งกระบอกรสชาติจะพอ ๆ กัน หวานมันเฉลี่ยทั่วทั้งกระบอก ไม่มีส่วนไหนรสเข้มข้นเป็นพิเศษนะคะ   แถมยังมีทั้งแบบข้าวหลามธรรมดา  (3-4 กระบอกร้อย)   และข้าวหลามที่มีไส้สังขยา (2 กระบอกร้อย) ด้วยอ่ะค่ะ     ถ้าเพื่อน   ๆ คนไหนแวะผ่านไป ก็อย่าลืมลองไปหามาชิมกันนดคะ  อร่อยดีงามเลยค่า

ข้าวหลามมีอายุ 3 วัน นับจากวันที่ทำ

นอกจากป้าบางแล้ว ข้าวหลามป้าสำรวย ป้าไร ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยนะคะ แถมร้านยังอยู่ใกล้ ๆ กันอีกด้วยค่ะ 

ข้าวหลามไส้สังขยา จะเป็นการนำเอาข้าวหลามไปเผาแบบปกติก่อน จากนั้นพอข้าวหลามเริ่มสุก ก็จะนำออกมาจากเตา เจาะข้าวเหนียวในกระบอกให้เป็นรู  เทส่วนผสมสังขยาใส่ลงไป (ในปริมาณเยอะมาก)  แล้วเผาต่อจนสุก ก็ใช้ได้อ่ะค่ะ

ถ้าใครเข้าไปซื้อข้ามหลามที่ร้าน 3 ป้านี้แล้วหมด ให้ออกมาตรงถนนสุวรรณศรนะคะ  เพราะริมถนนสายนี้จะมีข้าวหลามขายเป็นจำนวนมาก และมีหลายเจ้าที่ไปรับมาจาก 3 ป้านี้อ่ะค่ะ เพราะงั้นแล้วถ้าที่ร้านป้า ๆ หมด มาดูได้ที่ร้านเหล่านี้เลยนะคะ ราคาเท่ากันจ้า   (แต่แนะนำให้เข้าไปซื้อที่ร้านป้า เพราะสดใหม่กว่า) 

sra keaw 1 36

sra keaw 2 032

จากร้านข้าวหลามป้าบาง ตอนแรกพิมคิดว่าจะไปเช็คอินห้องพักก่อนจะไปหาที่กินข้าวเย็น  เพราะกลัวว่ามืดแล้วจะถ่ายภาพที่พักออกมาไม่สวยนะคะ   แต่คิดไปคิดมา  คือตอนนั้นหิวมาก (หิว 24 ชั่วโมง ฮ่าๆ)   ถ้าไปที่พักก่อน กว่าจะเช็คอิน กว่าจะเอาเป๋าไปเก็บในห้อง  กว่าจะล้างหน้าล้างตาเข้าห้องน้ำ  อย่างน้อย ๆ ก็ต้องปาเข้าไป 1 ชม. ครึ่งอย่างแน่นอนอ่ะค่ะ   ซึ่งตอนนั้นมันเป็นเวลา 5 โมงครึ่งกว่าๆ  แล้ว ก็เลยคิดว่างั้นเราไปกินข้าวก่อนน่าจะเป็นการดีกว่าเน๊าะคะ  >_< 

106

จุดหมายมื้อเย็นของพิมในวันนี้ พิมแพลนเอาไว้ว่าอยากกินอาหารถิ่นอร่อย ๆ ของจังหวัดสระแก้วอ่ะค่ะ  ^_^   ซึ่งอาหารถิ่นของที่นี่ แน่นอนว่าก็ต้องเป็นอาหารเวียดนามนะคะ    แต่ไม่รู้บังเอิญหรือโชคร้าย T_T  วันที่พิมไป  ร้านอาหารที่พิมอยากไป 3 ร้าน (ร้านเจ๊เง็ก ร้านแอนซัน ร้านยายเต็ม)  เค้าปิดหมดเลย แถมปิดที่ละหลายวันซะด้วย >_<    พิมก็เลยตัดสินใจไปกินที่ร้านยายต๊าม ซึ่งเป็นร้านอาหารเวียดนามร้านแรกของอำเภอเมืองอรัญแทนอ่ะค่ะ 

sra keaw 1 48

sra keaw 1 60

ร้านยายต๊าม เป็นร้านอาหารเวียดนามเล็กๆ  ที่เปิดเป็นเจ้าแรกในอรัญนะคะ   เพราะงั้นสไตล์การตบแต่งร้านก็เลยอาจจะดูล้าสมัยไปสักหน่อย เก่าไปสักหน่อย   แต่รสชาติของอาหาร (ในวันที่พิมไป)  พิมว่ายังโอเคอยู่อ่ะค่ะ  

ยายต๊าม (คุณป้าเจ้าของร้าน) แต่เดิมเป็นสาวเวียดนามใต้ที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย แล้วก็ทำอาหารเวียดนามเลี้ยงชีพนะคะ  โดยยายต๊ามขายอาหารเวียดนามมาตั้งแต่ปอเปี๊ยะทอดอันละสลึง  แหนมเหนืองพร้อมผักไม้ละบาท   จนตอนนี้ทั้งปอเปี๊ยะและแหนมเนืองอันละเป็นสิบบาทแล้วอ่ะค่ะ   ^^ 

sra keaw 1 49

และด้วยความที่ร้านยายต๊ามเป็นร้านที่เปิดมานานมาก บวกกับยายต๊ามอาจจะไม่ค่อยมีความถนัดในการครีเอทเมนูใหม่ๆ  เมนูของร้านยายต๊ามก็เลยมีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ  นะคะ   โดยหลัก ๆ ก็จะมีอยู่แค่ 7 เมนู  คือ  ปอเปี๊ยะสด ปอเปี๊ยะทอด ทอดมันปลาเวียดนาม หมี่หน้าหมู  แหนมเนือง ขนมเบื้อง และปากหม้อเวียดนามเท่านั้นอ่ะค่ะ   แต่ว่าถ้าตั้งใจมาทานอาหารเวียดนามแบบดั้งเดิมจริง ๆ สำหรับพิมว่าเท่านี้ก็โอเคอยู่นะคะ  ^_^ 

sra keaw 1 50

สำหรับอาหารที่พิมสั่งมาทานวันนี้เนี่ยจะเป็นอาหารแบบเซตค่ะ  คือที่ร้านนี้เค้าไม่มีอาหารแบบสั่งเป็นจานเดี่ยว ๆ  แต่จะมีขายเป็นเซตนะคะ   เช่น เซตเล็กจะหมี่แหนมเนือง ปอเปี๊ยะสด ปอเปี๊ยะทอด และหมี่หน้าหมู  ราคาก็ 200 บาทอ่ะค่ะ    ส่วนเซตกลางมีอาหารเหมือนเซตแรก  แต่ปริมาณจะมากขึ้น และเพิ่มทอดมันปลามาอีกอย่าง  สนนราคาก็ 300 บาทนะคะ   ส่วนเซตใหญ่สุดก็จะเหมือนเซตกลาง แต่เพิ่มปากหม้อเวียดนาม กับ ขนมเบื้องเวียดนามเข้ามาด้วยอีก 2 อย่าง สนนราคา ก็ 400 บาทถ้วน ๆ อ่ะค่ะ

..... ตอนแรกพิมก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสั่งเซตไหนดี  เพราะมันดูน่ากินไปซะทุกเซตเลยนะคะ   จนสุดท้ายก็ตัดสินใจสั่งเป็นเซตใหญ่มา เพราะจะได้ชิมทุกอย่างอ่ะค่ะ  (เซตใหญ่มีครบ 7 อย่าง เซตอื่นไม่ครบ)  ^_^ 

sra keaw 1 51

sra keaw 1 52

เริ่มกันที่จานแรก ... ทอดมันปลาแบบเวียดนามนะคะ  เป็นเมนูที่พิมไม่เคยกินมาก่อนเลยในชีวิต ตอนแรกก็นึกไม่ออกว่ารสชาติจะเป็นยังไง จะหวานไหม   แต่พอได้ลองชิมแล้ว อร่อยดีค่ะ  คาดว่าวิธีการทำเค้าน่าจะคล้าย ๆ กับการทำกุ้งกระเบื้องแบบของไทยเราเน๊าะคะ  (น่าจะของไทยเน๊าะ ^^)   คือนำเนื้อปลาบดปรุงรสไปทาบนแผ่นปอเปี๊ยะ   แล้วนำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน   จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ  เวลาทานก็ทานคู่กับน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ หวาน ๆ รสชาติโดยรวม อร่อยดีค่ะ  ถ้าให้สั่งเพิ่มก็เอานะคะ 555 ^^

sra keaw 1 53

ส่วนจานสอง เป็นขนมเบื้องญวณค่ะ ... พิมว่าหลายคนน่าจะรู้จักขนมเบื้องญวณ     แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าขนมเบื้องญวณแท้ ๆ ตามตำรับดั้งเดิม แป้งด้านนอกจะต้องกรอบเหลืองแบบนี้นะคะ  เพราะส่วนใหญ่เราจะเจอแต่แบบที่เหมือนไข่เจียวอ่ะค่ะ ^^"   ส่วนไส้ข้างในตามตำรับดั้งเดิมก็จะเป็นหมูสับ/ไก่สับ  ผัดกับวุ้นเส้น ถั่วงอก และก็เห็ดหูหนู รสชาติจืด ๆ หน่อย แต่ทานคู่กับน้ำจิ้มแล้วก็อร่อยดีนะคะ 

sra keaw 1 54

อย่างที่สาม คือข้าวเกรียบปากหม้อญวณค่ะ  ... ปกติข้าวเกรียบปากหม้อญวณที่พิมเคยกินเวลามีเทศกาลงานอาหารต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ  เค้าจะไม่มีหมูยอโรยหน้า และก็ทานกับน้ำจิ้มใส ๆ รสเปรี้ยวหวานที่มีพริกบดสีแดง ๆ เขียว ๆ นะคะ  แต่ที่นี่เค้าจะมีหมูยอโรยมาให้ด้วย  แจ่มเลยยยย  และเวลาทาน ก็ทานกับน้ำจิ้มข้นๆ ใส่ถั่ว ร่อยไปอีกแบบอ่ะค่ะ ^_^ 

sra keaw 1 55

อย่างที่สี่ ... คือ บั่นหอย หรือที่เรียกภาษาไทยว่า หมี่หน้าหมูนะคะ   จานนี้เนี่ยเค้าจะเอาเส้นหมี่ไปลวกน้ำจนนิ่ม  แล้วเอามาคลุกแป้งข้าวเจ้ากับน้ำมันต้นหอม   เสร็จแล้วก็เอาไปนึ่งให้แป้งข้าวเจ้าสุกอีกที ก่อนจะมาจัดใส่จาน หั่นหมูสามชั้นต้นลงไป แล้วเวลาทานก็ทานคู่กับถั่วงอกดิบ แตงกวาหั่นชิ้น  และก็นำ้จิ้มถั่วรสเปรี้ยวหวาน ไม่ก็น้ำจิ้มรสเผ็ดเปรี้ยวที่คล้ายน้ำจิ้มทะเล ก็อร่อยไปอีกแบบอ่ะค่ะ 

sra keaw 1 56

ส่วนจานที่ 5 เป็นแหนมเนืองสไตล์เวียดนามนะคะ   เสริฟมาพร้อมกับสับปะรด แตงกวา กล้วยดิบ พริกขี้หนู และก็กระเทียมหั่นค่ะ   .... ทั้งรสสัมผัสของเนื้อหมู และรสชาติของน้ำจิ้มจะค่อนข้างแตกต่าง จากพวก VT หรือ แดงแหนมเนือง  แต่พิมว่าโดยรวมแล้วก็อร่อยสไตล์เวียดนามดีนะคะ ^^

sra keaw 1 57

ส่วนจานสุดท้าย เป็นปอเปี๊ยะสดกับปอเปี๊ยะทอดค่ะ  อันนี้รสชาติธรรมดา  ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ก็ไม่มีอะไรแย่  ทานได้สบายๆ นะคะ  

sra keaw 1 58

 รวม ๆ แล้วทั้งหมดก็จะเป็นแบบนี้อ่ะค่ะ  กินกันจนอิ่มอืด  แต่ค่าเสียหายรวมน้ำรวมน้ำแข็งแค่  400  กว่าบาท โอเคเลยนะคะ ^^ 

sra keaw 1 59

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ  ก็ได้เวลาไปเช็คอินที่พักแล้วอ่ะค่ะ    สำหรับคืนนี้เนี่ยพิมจองที่พักไว้ที่  Le Blocs  ซึ่งอยู่ห่างจากร้านยายต๊ามไปไม่ถึง  3 กม. นะคะ  (อยู่ตรงกลางระหว่างร้านยายต๊าม กับโรงเกลือพอดีเลยค่ะ ^^) 

108

 Le Blocs  เป็นรีสอร์ทที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นห้องพักนะคะ  พิมเคยเห็นรีวิว Le Blocs ครั้งแรกก็ประมาณ 4-5 ปีทื่แล้ว สมัย Le Blocs  เพิ่งเปิดใหม่ๆ อ่ะค่ะ   ด้วยความที่ Le Blocs ค่อนข้างเป็นรีสอร์ที่ดูแตกต่างจากที่อื่น  ก็เลยคิดว่าสักวันจะต้องมาพักที่ Le Blocs  ให้ได้นะคะ    แต่ว่าพอวันเวลาผ่านไป  บวกกับไม่ได้มีโอกาสมาสระแก้วสักที ก็เลยลืม ๆ Le Blocs  ไปเลยอ่ะค่ะ  >_<

จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 5 ปี  จนถึงวันที่พิมได้มีโอกาสมาสระแก้วจริง ๆ    พิมก็เลยลองหาข้อมูลดูว่าพิมจะพักที่ไหนดีนะคะ    โดยเงื่อนไขของพิมคือ  ต้องเป็นรีสอร์ทที่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเราได้มาพักผ่อน   เช่น อาจจะมีมีต้นไม้เยอะๆ หรือว่ามีมุมสบาย ๆ    ที่สำคัญค่าที่พักรวมอาหารเช้าต้องไม่เกินคืนละ 1100- 1200 บาทอ่ะค่ะ   แล้วหลังจากลองค้นหาข้อมูลไปมา พิมก็ได้มาเจอกับ Le Blocs  นะคะที่ตรงตามความต้องการของพิมทุกอย่าง  (โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ฮ่ะๆ)   ก็เลยตัดสินใจพักที่ Le Blocs  นี่แหละค่ะ ^_^

sra keaw 1 77

โดยห้องพักที่พิมจองไป จะเป็นห้องพักแบบมี่ที่จอดรถนะคะ    ซึ่งตัวที่จอดรถจะค่อนข้างแคบนิดนึง  ถอยเข้าถอยออกยากนิดนึง  - -"  แต่โดยรวมแล้วก็ถอยได้ ไม่มีปัญหาอะไรอ่ะค่ะ 

sra keaw 1 78

sra keaw 1 79

ส่วนห้องพัก ... สำหรับพิมถือว่าโอเคมากๆ นะคะ  ทั้งในเรื่องของตำแหน่งการวางเฟอร์นิเจอร์ และการเก็บเสียง รวมไปถึงเรื่องห้องน้ำ   เพราะจากที่พิมเคยพักห้องพักสไตล์นี้ บางที่ไม่เก็บเสียงเลยค่ะ เวลาใครเดินคุยกันข้างนอก เราจะได้ยินหมดเลยนะคะว่าเค้าคุยกันว่าอะไร >_<  หรือบางทีผนังข้างทีนอน กระทบโดนนิดก็เสียงก้องมาก  ทำให้เวลานอน หลับไม่สนิทเลย  แต่ที่นี่โอเคทุกสิ่งอย่างอ่ะค่ะ 

sra keaw 1 80

sra keaw 1 81

sra keaw 1 82

 และหลังจากเก็บกระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาอาบน้ำนอนล่ะนะคะ เพราะว่าพรุ่งนี้ภารกิจเที่ยวของพิมค่อนข้างยาวไกล  ตั้งใจว่าจะไปหลายที่มาก ๆ   ^_^    เพราะนั้นคืนนี้เก็บแรงไว้ก่อนดีกว่าอ่ะค่ะ ......  แล้วพรุ่งนี้เจอกันอีกที สวัสดีค่า ^_^  

06



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก