header



เมื่อวานนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของหลานพิมค่ะ (หลานพิมอยู่ ป.3)  พิมก็เลยคิดอยากจะเซอร์ไพร์สหลานด้วยการทำของกินอร่อย ๆ ต้อนรับหลานตอนกลับมาจาก รร. ซะหน่อยนะคะ 

ตอนแรกพิมก็นึกไม่ออกว่าพิมจะทำอะไรดี  แล้วก็นึกไปถึงตอนช่วงเรียนประถมปลาย ที่พิมชอบกินลูกชิ้นชุบแป้งทอดเสียบไม้หน้าโรงเรียน ก็เลยคิดว่างั้นทำลูกชิ้นทอดพร้อมน้ำจิ้มอร่อย ๆ ให้หลานกินดีกว่าค่ะ 

แต่ไหน ๆ ก็ทำให้หลานแล้วเน๊าะ เพราะงั้นพิมก็เลยขอถ่ายขั้นตอนวิธีการทำ และเก็บสูตรมาฝากแฟนเวบ แฟนเพจครัวบ้านพิมด้วยเลย เผื่อว่าเพื่อน ๆ จะอยากลองเอาไปทำให้ลูกหลานที่บ้านกิน  หรือไปทำขายนะคะ 

tamarind sauce 16

tamarind sauce 14

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::

- น้ำมะขามเปียก 300 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 500 กรัม
- กระเทียมดองแบบหัว  3 หัว
- กระเทียมดองหั่นบาง ๆ  3 หัว
- น้ำกระเทียมดอง 200 กรัม 
- เกลือสมุทรป่น 1 ช้อนโต๊ะ 
- มะเขือเทศท้อ 500 กรัม
- พริกขี้หนูแห้ง (พริกจินดา) 40 กรัม
- น้ำเปล่า 500 กรัม 

tamarind sauce 06

:: วิธีทำ ::

ก่อนจะไปลงมือทำกัน  พิมอยากบอกว่าส่วนผสมหลัก ๆ ที่เราจะต้องเตรียม #ไม่นับชั่งตวง มีอยู่ 3 อย่างด้วยกันนะคะ  ก็คือ  ทำน้ำมะขามเปียก (ถ้าใครมีอยู่แล้ว ก็ข้ามส่วนนี้ไปได้เลย)   คั่ว+บดพริกแห้ง  และก็หั่น+บดมะเขือเทศค่ะ   ซึ่งพิมจะอธิบายให้เห็นภาพไปทีละส่วน  รับรองไม่งงแน่นอน  ใครพร้อมแล้ว ก็ตามพิมมาได้เลยนะคะ ^_^ 

อันดับแรก เราจะมาทำน้ำมะขามเปียกกันก่อนค่ะ   วันนี้พิมใช้เป็นมะขามเปียกแบบมีซังแต่ไม่มีเม็ด    สัดส่วนมะขามเปียก 250 กรัม  ต่อน้ำเปล่า 500 กรัมหรือประมาณ 2 ถ้วยนะคะ

tamarind sauce 01

เริ่มต้นก็ให้หยิบหม้อใบมาใบนึง   ใส่มะขามเปียกลงไปในหม้อตามด้วยน้ำเปล่าครึ่งนึงของในสูตรค่ะ  (1 ถ้วย หรือประมาณ 250 กรัม)   

จากนั้นยกหม้อขึ้นตั้งเตา เปิดไฟอ่อน  พอน้ำในหม้อมะขามเดือด เราจะเห็นว่ามีฟองขาวๆ ลอยขึ้นมานิดหน่อย ก็ใช้ช้อนหรือทัพพีค่อย ๆ ช้องฟองออก  พอฟองหมดก็ปิดไฟเตา (ใช้เวลา 2-3 นาที)   แล้วเทมะขามกับน้ำในหม้อ ใส่กะละมังพักไว้ให้เย็นนะคะ  

tamarind sauce 02

พอส่วนผสมในกะละมังเย็นดีแล้ว   ก็ให้เราขยำมะขามกับน้ำรวมกัน    แล้วคั้นเอาไว้แต่น้ำมะขามเปียกค่ะ   จากนั้นเอามะขามเปียกที่คั้นน้ำแล้วเทกลับใส่กะละมังใบเดิม ใส่น้ำครึ่งนึงของน้ำที่เหลือในสูตรลงไป  (1/2 ถ้วย)    ขยำมะขามกับน้ำอีกรอบ  แล้วคั้นน้ำมะขามไว้อีกครั้งนะคะ  (คั้นครั้งที่ 2)   และก็แบบเดียวกันในครั้งที่สามค่ะ

tamarind sauce 04

แล้วเราก็จะได้น้ำมะขามเปียกออกมาอย่างในภาพด้านล่างนี้ราว ๆ  2 ถ้วย หรือราว ๆ 500 มิลลิลิตร    แต่ถ้าได้มากน้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ   

ถึงตรงนี้ก็ให้เราแบ่งน้ำมะขามออกมาไว้ทำน้ำจิ้ม 300 มิลลิลิตร  ส่วนที่เหลือก็เก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ทำแกงส้ม  น้ำจิ้มแจ่ว  ซอสปลาราดพริก  น้ำราดไข่ลูกเขย ซอสผัดไท และอื่น ๆ อีกมากมายได้เลยค่ะ ^_^

tamarind sauce 05

ต่อมา .. เราจะมาคั่วพริกแห้งกัน

ให้เราตั้งกระทะบนเตา เปิดไฟอ่อน ใส่พริกขี้หนูแห้งลงไปแล้วคั่วจนกรอบติดไหม้นิด ๆ นะคะ  

สำหรับพริกขี้หนูแห้งที่พิมใช้วันนี้ จะเป็นพริกจินดาแห้ง ชั่งน้ำหนักแบบที่เด็ดก้านแล้ว    แต่ถ้าใครใช้พริกแห้งยอดสน หรือพริกแห้งหัวเรือ ก็ต้องลดปริมาณพริกลงเพราะว่าพริกสองอย่างนี้เผ็ดกว่าพริกจินดามากกกก หรือถ้าใครชอบเผ็ด ๆ  ประเภทกินเข้าไปแล้วปากเบิร์นเลย  ก็เอาตามที่ชอบได้ค่ะ  ^_^ 

และเมื่อคั่วพริกจนกรอบแล้ว   ก็ให้เราเอาพริกครึ่งนึงไปตำให้แหลกแบบหยาบ ๆ ส่วนพิมที่ข้อไม้ข้อมือไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรงแล้ว   ก็ขออนุญาติเอาไปบดหยาบ ๆ ในเครื่องปั่นแทน ... ปั่นเสร็จก็พักไว้ก่อนนะคะ  ^_^ 

tamarind-sauce-08.jpg

สุดท้ายอีกอย่างที่เราจะต้องเตรียมก็คือมะเขือเทศ   วันนี้พิมใช้เป็นมะเขือเทศท้อ  เลือกแบบที่สีออกไปทางส้มอมแดงเข้มนิดนึง แต่ไม่ต้องให้งอมค่ะ    หลังจากที่เราล้างมะเขือเทศสะอาด + พักให้สะเด็ดน้ำแล้ว   ก็ให้เราหั่นมะเขือเทศแต่ละลูกเป็นชิ้นเล็ก  (จะได้ปั่นง่ายๆ)    แล้วก็นำไปปั่นให้ละเอียดนิดนึงนะคะ   ที่สำคัญเวลาปั่นไม่ต้องใส่น้ำน๊าาาา เพราะว่าในมะเขือเทศมีน้ำเป็นส่วนประกอบเยอะอยู่แล้ว  เพราะงั้นปั่นได้ง่าย ๆ ค่ะ

tamarind sauce 07

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลามาเคี่ยวน้ำจิ้มกันล่ะค่ะ

เริ่มจากหยิบหม้อมาใบนึง ใส่มะเขือเทศปั่น + น้ำตาลปี๊บ + น้ำตาลทราย +  เกลือ  + น้ำกระเทียมดอง + กระเทียมดองแบบหัว + กระเทียมดองแบบหั่น + น้ำมะขามเปียก และน้ำเปล่าลงไปนะคะ  

tamarind sauce 09

ยกหม้อขึ้นตั้งเตา เปิดไฟกลาง คนให้เข้ากัน  พอส่วนผสมในหม้อเดือด สังเกตุว่าจะมีฟองสีส้ม ๆ  ของมะเขือเทศลอยขึ้นมา ก็ค่อย ๆ เอาทัพพีช้อนฟองออกให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้ได้น้ำจิ้มที่ใส ไม่ขุ่นนะคะ    จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนมาทางอ่อน แต่ไม่ต้องอ่อนมาก  เคี่ยวน้ำจิ้มไปสักประมาณ 40 - 50 นาที น้ำจิ้มก็จะมีความข้นเหนียวได้ที่  

tamarind sauce 10

ก็ให้เรายกหม้อลงจากเตา พักน้ำจิ้มไว้สักครู่  พอน้ำจิ้มหายร้อนก็จะมีความข้นเหนียวมากขึ้น .. ถ้าสมมติว่ามันข้นเหนียวเกินไป  ก็ให้เราค่อย ๆ เติมน้ำร้อนลงไปทีละ 2-3 ช้อนโต๊ะ  แล้วคนน้ำกับน้ำจิ้มให้เข้ากัน  จนได้ความข้นเหนียวตามที่ชอบค่ะ  

พอได้น้ำจิ้มที่ชอบแล้ว ก็ให้เราใส่พริกคั่วที่เราบดไว้ + พริกคั่วที่เป็นเม็ด ๆ (หรือจะเอาไว้ใส่ทีหลังก็ได้)  ลงไปนะคะ  ถ้ากลัวว่าจะเผ็ดเกิน  ก็อาจจะใส่ไปแค่ครึ่งนึงก่อน  คนให้เข้ากันแล้วลองตักขึ้นมาชิมดู  ถ้าไม่เผ็ด ค่อยเติมเพิ่มก็ได้ค่ะ  

*** ด้วยความที่มะขามเปียกจากแต่ละที่ บางทีความเปรี้ยวมันก็ไม่ค่อยเท่ากันเน๊าะคะ เพราะงั้นหลังจากที่เราเคี่ยวน้ำจิ้มไปสัก 20 นาทีแล้ว  ให้เราลองตักน้ำจิ้มขึ้นมาชิมดูนิดนึงว่าได้รสเปรี้ยวหวานถูกใจเราไหม   ถ้ารู้สึกว่าขาดเปรี้ยวไป ก็เติมน้ำมะขามเพิ่ม  หรือถ้ารู้สึกว่าเปรี้ยวไป ก็อาจจะเติมน้ำตาลเพิ่ม (น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลทรายก็ได้)  เอาตามรสที่ชอบเลย   แต่ไม่ต้องให้รสเข้มมาก เพราะเดี๋ยวพอเราเคี่ยวไปเรื่อย ๆ รสน้ำจิ้มจะเข้มขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ 

tamarind sauce 15

แล้วเราก็จะได้น้ำจิ้มลูกชิ้นออกมาหน้าตาน่ากินอย่างในภาพนี่เลย   

tamarind sauce 16

 จะเอาไปจิ้มลูกชิ้นทอด หรือลูกชิ้นปิ้งก็ได้หมดนะคะ  รสชาติออกเปรี้ยวหวานพอ ๆ กัน ตามด้วยเผ็ดเค็มแบบกลมกล่อม  เพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบ ก็ลองไปทำกันดูค่ะ 

tamarind sauce 12

น้ำจิ้มตัวนี้เนี่ย เท่าที่พิมเคยลองทำมาหลายครั้ง เก็บได้ 2-3 อาทิตย์อยู่นะคะ  (นอกตู้เย็น)    แต่พิมยังไม่เคยลองเก็บนานกว่านี้เลย เพราะเอาไปจิ้มลูกชิ้นหมดซะก่อนค่ะ -*-

tamarind sauce 13

ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองไปทำกันดูน๊าาา  ส่วนใครที่อยากได้สูตรแป้งสำหรับทอดลูกชิ้น วิธีทอดลูกชิ้น  เดี๋ยวพิมจะเอามาฝากอีกทีนะคะ ส่วนวันนี้ขอตัวไปกินลูกชิ้นทอดก่อนล่ะค่ะ ^_^  

tamarind sauce 14



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก