header



เมื่อเดือนที่แล้ว ช่วงที่โควิดซา ๆ พิมมีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะกูด ที่จังหวัดตราดมาค่ะ เป็นทริปสั้น ๆ 3 วัน 2 คืนที่พิมชอบมาก เพราะได้ทำกิจกรรมโน่นนี่หลายอย่าง  พิมก็เลยอยากจะเอารายละเอียดทริปนี้มาแบ่งปัน เผื่อจะได้เป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ เอาไว้ไปเที่ยว หลังจากหมดโควิดกันนะคะ   ^_^ 

พูดถึงการเดินทางไปตราดแล้วเนี่ย ปกติคนส่วนใหญ่ก็จะนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไม่ก็รถโดยสารเน๊าะคะ  แต่ด้วยความที่ทริปนี้พิมมีเวลาน้อย  อยากไปไวกลับไวนิ๊ดนึง  พิมก็เลยเลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์  (มีสายการบินเดียวที่บินไปตราด)   เพราะงั้นทริปนี้ของพิม ก็เลยเริ่มต้นด้วยการให้คุณสามีขับรถไปจอดไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ  ^_^

01

การเดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปสนามบินตราดเนี่ย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. นะคะ    เรียกว่านั่งกินขนมชมวิวท้องฟ้าเพลิน ๆ แป๊บเดียวก็ถึงตราดล่ะค่ะ 

02

03

04

เมื่อถึงตราดปุ๊บ  หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย ด้วยความที่เรามากันหลายคนก็เลยใช้วิธีเช่าเหมารถตู้ตรงไปที่ท่าเรือแหลมศอก เพื่อจะต่อเรือไปยังเกาะกูดนะคะ    แต่ด้วยความที่ตั้งกะเช้าเรายังไม่ได้กินอะไรจริงจังเลย  มีแค่ข้าวต้มมัดของบางกอกแอร์เวย์ 5 ชิ้น  ขนมปังแฮมชีส 2 ชิ้น  Chicken Roll 1 ชิ้น  Cinamon Roll 1 ชิ้น และกาแฟ 1 แก้วเท่านั้นนนนน  ^_^ ก็กลัวว่าถ้าลงเรือไปทั้งยังหิว ๆ ก็อาจจะเป็นลมไม่ก็เมาเรือได้  เพราะงั้นเราก็เลยแวะขอแวะกินข้าวกันก่อนค่ะ 

05

#ร้านคนพลัดถิ่น ...เป็นอีกร้านอาหารหนึ่งในดวงใจพิมนะคะ  นอกจากอาหารจะอร่อย ไม่ติดหวานแล้ว ที่นี่ยังมีวิวเป็นบ่อน้ำสีเขียวขนาดใหญ่ ที่จะมีเหยี่ยวแดงมาบินโฉบไปโฉบมานับพันตัวให้เราได้มองดูเพลิน ๆ ตาอีกด้วยค่ะ 

09

สำหรับอาหารของที่นี่ก็จะมีทั้งอาหารทั่วไปอย่างผัดผัก ต้มยำน้ำใส น้ำข้น ต้มจืด ผัดผงกะหรี่ ผัดพริกไทยดำ ยำโน่นนี่ ฯ  มีอาหารป่า  และก็มีอาหารเฉพาะถิ่นที่หากินได้แค่ที่ร้านนี้  อย่างแกงคั่วสับปะรดกับหอยปิ่น   ลาบปลาตะเพียนไร้ก้างที่มีเกล็ดปลาทอดกรอบเป็นท๊อปปิ้งด้วยนะคะ 

พิมมากินที่ร้านนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 3 แล้ว (ครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน)  นอกจากรสชาติอาหารที่พิมว่าเค้าทำออกมาได้กลมกล่อมดี  อันไหนควรเค็มก็เค็ม อันไหนควรเผ็ดก็เผ็ด   อีกสิ่งที่พิมชอบก็คือ  เมนูอาหารจำพวกปลา เค้าจะเลือกชนิดปลาให้เหมาะสมกับประเภทอาหารที่จะทำค่ะ  เช่น ปลาอันนี้ต้องเอาไปทอดเท่านั้นถึงจะอร่อยที่สุด  ส่วนปลาอันนี้ต้องเอามานึ่งหรือต้มเท่านั้นถึงจะดึงความหวานของเนื้อปลาออกมาได้มากที่สุด  อะไรประมาณนี้นะคะ  คือถึงเค้าจะเป็นร้านอาหารสไตล์บ้าน ๆ   แต่ความใส่ใจในการทำอาหารของเค้า ไม่แพ้ร้านอาหารใหญ่ ๆ  เลยค่ะ  ^_^ 

06

07

จากร้านคนพลัดถิ่น เราก็นั่งรถตู้ต่อมายังท่าเรือแหลมศอก เพื่อจะไปยังเกาะกูดกันนะคะ  

ปกติแล้วการเดินทางจากแหลมศอกไปเกาะกูดเนี่ย เราจะเดินทางได้ 2 แบบ คือ นั่งเรือเฟอร์รี่ (1.5 ชม.) หรือไม่ก็สปีดโบ๊ท (1 ชม.) ค่ะ  ซึ่งจะมีบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 3 โมงเย็นนะคะ   ถ้าไม่ได้ซื้อตั๋วมาล่วงหน้า ก็สามารถมาซื้อตั๋วและขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือแหลมศอกเลย จะมีเรือให้บริการอยู่ 3 เจ้า คือ เรือปริ้นเซส เรือเอ็กเพรส และเรือบุญศิริ  ก็เลือกเอาตามที่เราสะดวกเลยค่ะ   สำหรับค่าเรือ...ถ้าพิมจำไม่ผิด อยู่ที่ 300-600 บาท  ขึ้นกับประเภทเรือนะคะ  ^_^ 

สำหรับใครที่ขับรถมาเอง  แถวนี้เค้าก็มีบริการรับฝากรถสำหรับคนที่จะไปเที่ยวเกาะกูดหรือเกาะอื่น ๆ ด้วย แต่พิมไม่แน่ใจว่าค่าฝากวันละเท่าไหร่  ยังไงมาสอบถามเอาได้แถวนี้ได้เลยค่ะ 

ด้วยความที่ทริปนี้เรามากันหลายคนเน๊าะ เพื่อความสะดวกเราก็เลยใช้บริการเช่าเหมาลำสปีดโบ๊ทตลอด 3 วันเลยค่ะ   ซึ่งตรงนี้พิมไม่ได้เป็นคนจัดการ (แค่พ่วงเค้ามาเที่ยวด้วย)   พิมก็เลยไม่มีข้อมูล แต่ถ้าใครอยากได้ก็ลองเม้นท์มา เดี๋ยวพิมจะไปหาข้อมูลมาเพิ่มให้นะคะ 

65

98

 จากท่าเรือแหลมศอก  ถ้าไม่มีลมแรงหรือฝนตก เราจะใช้เวลาเดินทางด้วยสปีดโบ๊ทไปยังเกาะกูดประมาณ 1 ชม. ค่ะ   

66

67

แต่ว่าด้วยความที่เราเช่าเหมาลำสปีดโบ๊ทมาอ่ะเน๊าะ  เพื่อความคุ้มมมม  เพราะงั้นเราเลยขอแวะเที่ยวเกาะอื่น ๆ ระหว่างทางกันหน่อย  ซึ่งเกาะแรกที่เราแวะก็คือ เกาะกระดาษนะคะ 

เกาะกระดาษเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ในกลุ่มหมู่เกาะหมาก ที่เวลาเราไปเกาะกูดเราจะต้องนั่งเรือผ่านค่ะ     เกาะกระดาษเป็นเกาะแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีการออกโฉนดและเอกสารสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของนะคะ (แปลว่าซื้อขายได้ ถูกกฎหมาย)   ซึ่งแต่เดิมเกาะนี้ก็เป็นเกาะธรรมดา ๆ ทั่วไปนี่แหละ   เพียงแต่ว่าเป็นเกาะที่ราบเรียบ ไม่มีภูเขา แถมยังมีแหล่งน้ำจืดอยู่ตรงกลางเกาะอีกด้วยค่ะ   ก็เลยมีคนมาบุกเบิกทำการเกษตรที่นี่ ด้วยการเอาต้นมะพร้าวมาปลูกเกือบ 2 หมื่นต้น ตอนปี 2482   และเอากวางมาปล่อยอีก 2-3 คู่ ตอนปี 2512  ทำให้ปัจจุบันเกาะกระดาษมีกวางในธรรมชาติเป็นหลายร้อยตัว   และกลายเป็นเอกลักษณ์ของเกาะไปเลยนะคะ

69

(อาชีพหลักของคนที่ดูแลเกาะกระดาษ คือ เก็บมะพร้าวขาย)

68

เกาะกระดาดในตอนนี้ยังคงเป็นเกาะที่มีความเป็นธรรมชาติมาก  เพราะทั้งเกาะมีแต่บ้านเของคนดูแลเกาะ และบ้านที่เจ้าของเค้าสร้างไว้ให้แขกมาพักแบบ Homestay อีกไม่กี่หลังเท่านั้นค่ะ ซึ่งถ้าใครอยากจะมาเที่ยวชมที่นี่ จะต้องติดต่อขออนุญาติคนดูแลเกาะก่อน เนื่องจากมันเป็นเกาะส่วนตัวเน๊าะคะ   และถ้าใครอยากมาเที่ยวแบบพักค้างคืน 1 คืน 2 คืน พร้อมทำกิจกรรมโน่นนี่ เช่น ดำน้ำ พายเรือคายัก  นั่งรถชมเกาะดูกวาง และอื่นๆ  อีกมากมาย   ที่นี่เค้าก็มีบริการอยู่ค่ะ  1 คืน พร้อมที่พัก กิจกรรม อาหารอยู่ที่ 2,500 บาท  ถ้า 2 คืน จะอยู่ที่ 4,500 บาท   เพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ก็ลองไปดูกันได้นะคะ ^_^ 

12

11

(แวะถ่ายรูปใต้ต้นไม้ ที่เกาะกระดาษกับคุณสามี)

13

ทีนี้ที่ใกล้ ๆ กับเกาะกระดาษ จะมีเกาะเล็กถึงเล็กมากอยู่เกาะนึงค่ะ  เกาะนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่ 1 ต้น  ให้อารมณ์เหมือนเกาะที่เราเห็นในหนังสือขายหัวเราะเมื่อก่อนนี้  คนก็เลยเรียกเกาะนี้ว่าเกาะขายหัวเราะนะคะ ^_^   พวกเราตั้งใจกันว่าจากเกาะกระดาษ เราจะไปต่อกันที่เกาะขายหัวเราะ  แต่ด้วยความที่วันนั้นลมแรงและคลื่นแรงมาก ไม่สามารถเอาเรือเข้าไปใกล้เกาะ และไม่สามารถจอดเรือให้อยู่นิ่งๆ  ได้  ก็เลยทำให้เราต้องพลาดกับเกาะขายหัวเราะไป และบอกตัวเองว่าเดี๋ยววันกลับค่อยแวะมาอีกทีค่ะ ^_^ 

จากเกาะขายหัวเราะ ด้วยความที่เวลามันเริ่มบ่ายมากแล้วเน๊าะ  เราก็เลยตรงดิ่งไปที่เกาะกูดเลย โดยไม่แวะที่ไหนอีกนะคะ   ...  ช่วงเวลานี้พิมก็จะอึน ๆ มึน ๆ หน่อย เพราะนั่งเรือนานมากเลยค่ะ  (แวะหลายเกาะ)     5555 

16

แล้วประมาณ 5 โมงครึ่ง เราก็มาถึงเกาะกูดกันล่ะจ้าาา  อย่าให้บอกว่าดีใจขนาดไหนนะคะ 555      ซึ่งรีสอร์ทที่เรามาพักกันในวันนี้ ก็คือ ปีเตอร์แพนรีสอร์ท 1 ในรีสอร์ทที่ขึ้นชื่อว่าบริการดี ที่พักเยี่ยม และอาหารอร่อยที่สุดในเกาะกูดเลยค่ะ ^_^

17

50

ที่นี่เนี่ยปกติแล้วจะมีบริการบ้านพักอยู่ 2 แบบนะคะ ก็คือ  แบบเป็นแพคเกจ สปีดโบ๊ทไปกลับ + ที่พัก + อาหารเช้า + อาหารกลางวัน + อาหารเย็น + อาหารว่าง + กิจกรรมโน่นนี่  กับแบบที่เป็นบ้านพัก + อาหารเช้า และอาหารว่างค่ะ   แต่ด้วยความที่ที่นี่เค้ามีบ้านพักหลากหลายแบบมาก  แต่ละแบบในแต่ละฤดูก็จะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน   เพราะงั้นถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่ >> เพจปีเตอร์แพนรีสอร์ท  ได้เลยนะคะ  

72

71

หลังจากที่เช็คอินกันเรียบร้อย  ก็ได้เวลาไปสำรวจห้องพักล่ะค่ะว่าจะหน้าตาเป็นยังไง 

ห้องพักของที่นี่ (ห้อง Mermaid)  ก็จะออกเรียบ ๆ นิดนึงนะคะ ไม่ได้มีอะไรตกแต่งมากมาย  แต่ว่าห้องใหญ่ ฟูกนอนสบาย มีหมอนให้ 4 ใบ  แอร์เย็นเร็ว  ห้องน้ำกว้าง มีสายชำระ  มีหน้าต่าง นั่งแล้วไม่อึดอัด  ... พิมก็โอเคล่ะค่ะ  ^_^ 

21

หลังจากเก็บสัมภาระเข้าห้องพักและอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย  ก็ได้เวลาออกมาเดินเล่นกินลมที่ชายหาดนะคะ 

ที่ปีเตอร์แพนรีสอร์ทเนี่ย ด้านหน้าจะติดกับชายหาดที่ทรายละเอียดมาก  แบบที่สามารถเดินเท้าเปล่าได้โดยไม่เจ็บเท้าเลยค่ะ   ส่วนด้านหลังจะติดกับคลองน้ำเค็ม ที่ชื่อว่าคลองเจ้านะคะ   ซึ่งทั้งสองจุดนี้แหละเป็นจุดที่เราสามารถลงเล่นน้ำทะเลก็ได้ พายเรือคายัคก็ได้ เล่นแพดเดิ้ลบอร์ดก็ได้   เล่นน้ำทะเลก็ได้  หรือจะนั่ง ๆ นอน ๆ บนเก้าอี้ชายหาด จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ  ชมวิวพระอาทิตย์ตกก็ได้เช่นกันค่ะ ^_^ 

18

19

20

หลังจากที่พิมเดินเล่นชิล ๆ มาสักพักแล้ว   ก็ได้เวลากินข้าวนะคะ  (บอกเลยว่าหิวมากกกกกก หิวจริงจัง) 

วันนี้พวกเราสั่งอาหารจากทางรีสอร์ทมากิน  มีซี่โครงหมุทอด  แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลาอินทรี  แกงป่าปลาสับนก  ไข่เจียวลาบ  ปูม้านึ่ง (สดมากกก)  ลาบหมึก  ปลากะพงทอดน้ำปลา  และเมนูสุดพิเศษ  #ปลาย่ำสวาท  เป็นปลาดิบที่ทำมาจากปลากุสลาด หรือบางคนก็เรียกว่ากะรังจุดฟ้า  ซึ่งเป็นปลาที่มีในพื้นที่เขตเกาะกูด เกาะหมากค่ะ  

70 

24

22

สำหรับอาหารของที่นี่ บอกเลยว่ารสชาติดีทุกจาน (ย้ำว่าดีทุกจานที่พิมได้กิน)   ..... #แกงเขียวหวาน หอมเครื่องแกง ถึงกะทิ แต่ไม่มันเกิน ลูกชิ้นปลานุ่มเหนียว เค็มเผ็ดกำลังดีนะคะ  ....   #ปูม้านึ่ง  ตัวใหญ่  สด เนื้อแน่น และเนื้อหวานมากค่ะ   ...  #แกงป่าปลาสับ  พิมจำไม่ได้แล้วว่าเค้าใช้ปลาอะไร  แต่ปกติคุณสามีพิมที่ไม่กินแกงป่า ก็ยังตักหลายรอบนะคะ  รสชาติเค้าเผ็ดเค็มหอมเครื่องแกงกำลังดี  นัวไปหมดเลยค่ะ  พูดแล้วก็อยากกินอีก 5555  .... #ไข่เจียวลาบ ตอนกินต้องบีบมะนาวไปด้วย อร่อย เปรี้ยว เผ็ด หอมข้าวคั่วพริกแห้งดีค่ะ  .... #ลาบหมึก หมึกอร่อยมาก เนื้อหนา เด้ง หวาน ปรุงรสลาบมาเปรี้ยวเผ็ดกำลังดีนะคะ .... #กะพงทอดน้ำปลา  ปลาสดดีค่ะ เนื้อแน่น  น้ำราดก็อร่อย ไม่เปรี้ยวเกิน  ปลาทอดมาแบบร้อน ๆ ค่ะ 

25

และที่พลาดไม่ได้ #ปลาย่ำสวาท  ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มถั่ว และโชหยุ ... เนื้อปลานุ่มหวาน ถูกสไลซ์มาอย่างบาง ๆ  ไม่มีความคาว ขนาดพิมไม่กินปลาดิบ ไม่กินแซลมอนดิบ ก็ยังกินไปหลายชิ้นเลยนะคะ  ^_^ 

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ  ประมาณ 2 ทุ่มครึ่่ง ทางรีสอร์ทเค้ามีบริการล่องเรือพาไปชมหิ่งห้อย ซึ่งพิมก็ไปกับเค้าด้วยค่ะ ^_^  ไปกลับใช้เวลาประมาณ 30 นาที   (รวมเวลาดูหิ่งห้อยด้วยนะ)   แต่ด้วยความที่คืนนั้นพระจันทร์สว่างมาก แถมกล้องพิมก็ไม่ใช้กล้องใหญ่อะไร  ก็เลยไม่สามารถถ่ายภาพหิ่งห้อยมาให้ดูได้นะคะ   แต่ถ้าใครไปพักที่นี่และตรงกับคืนที่เค้ามีบริการพาไปชมหิ่งห้อย ก็ไปเถอะค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอน ^_^

24

เช้าวันที่ 2 ..  หลังจากที่กินอาหารเช้าที่รีสอร์ทกันเรียบร้อยแล้ว  เราก็ขึ้นรถสองแถวไปเที่ยวที่ต่าง ๆ บนเกาะกันค่ะ   ซึ่งที่เที่ยวบนเกาะจะว่าไปแล้วก็มีหลายที่นะคะ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนชาวประมงบ้านอ่าวสลัด  ชุมชนชาวประมงบ้านอ่าวใหญ่  ต้นไม้ยักษ์ (ต้นไทรยักษ์ และต้นมะค่ายักษ์) น้ำตกคลองยายกี๋  น้ำตกห้วงน้ำเขียว  น้ำตกคลองเจ้า  จุดชมวิวมุมสูงโรงเรียนบ้านคลองเจ้า   และจุดชมวิวมุมสูงบ้านอ่าวใหญ่ค่ะ 

แต่ว่าวันที่พิมไปเนี่ย ตอนเช้าฝนตกหนักมากกกก และตกจนถึง 9 โมงกว่า เพราะงั้นเราก็เลยไปไหนไม่ได้มาก  แค่ชมต้นไม้ยักษ์  และไปจุดชมวิวมุมสูง ก็หมดเวลาแล้วนะคะ T__T 

28

30

เริ่มกันที่ต้นไม้ยักษ์กันก่อนเลย ... จุดชมวิวต้นไม้ยักษ์จุดแรกอยู่ในป่า ห่างจากที่พักของพิมไปประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ  เราเดินทางกันด้วยรถสองแถว  (เหมา) ที่ขับผ่านชุมชน แล้วก็ขับเข้าไปในป่าที่อยู่ในเขตสวนยางพาราแห่งนึงนะคะ   จากจุดที่สองแถวจอด เดินเข้าไปอีกสัก 15-20 ก้าว ก็จะเจอกับต้นมะค่ายักษ์ที่อยู่มาหลายร้อนปี และมีความสูงมากกว่า 40 เมตรค่ะ

แต่เดิมต้นมะค่ายักษ์ตรงนี้มีอยู่ 3 ต้นด้วยกันนะคะ   แต่ด้วยความที่สวนยางพาราแห่งนี้เนี่ยถูกปล่อยรกร้างมานาน จนเป็นเหมือนป่า ก็เลยถูกคนเข้ามาลักลอบตัดต้นมะค่าไป  กว่าเจ้าหน้าที่จะรู้ก็เหลือต้นมะค่าแค่ต้นเดียวแล้วค่ะ T__T 

** การเดินทางบนเกาะ ปกตินักท่องเที่ยวจะใช้วิธีเช่ามอเตอร์ไซด์แล้วขับไปไหนมาไหนเองนะคะ  แต่ว่าถ้ามากันหลายคน และไม่ถนัดแนว Adventure แนะนำให้เช่าเหมารถสองแถวแบบพิมดีกว่า สะดวกสบายกว่าเยอะเลยค่ะ

26

จากจุดชมต้นมะค่ายักษ์  ขับรถต่อมาอีกประมาณ 10 นาที  ก็จะเจอกับต้นไทรยักษ์ที่มีอายุหลายร้อยปีเช่นกันนะคะ   ต้นไทรยักษ์ต้นนี้ ความสูงน้อยกว่าต้นมะค่าแค่ 10 เมตร แต่มีขนาดคนโอบพอ ๆ กันเลยค่ะ   

ที่ตรงจุดนี้เนี่ยนอกจากจะมีคนเอาผ้าหลากสีมาผูก  เอาชุดไทยมาแขวนไว้หลายชุดแล้ว  ตัวต้นไทรก็มีวงรากที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง ทำให้คนนิยมมาถ่ายภาพและขอหวยกันอีกด้วยนะคะ  ^_^

3129

พักเหนื่อยกันสักแป๊บบบบ #เหนื่อยตรงไหนเนี่ยยย 555 ....   ก่อนจะไปดำน้ำ  เราแวะไปนั่งชิล ๆ รับลมเย็น ๆ กันสักหน่อยที่จุดชมวิวบ้านคลองเจ้าค่ะ  ... ในวันที่ฝนไม่ตก  น้ำทะเลตรงจุดนี้จะใสมาก  ขนาดที่เรายืนมองอยู่บนจุดชมวิว เราก็ยังมองเห็นทรายที่อยู่ใต้น้ำทะเลด้านล่างเลยนะคะ 

33

ที่นี่มีร้านขายเครื่องดื่มและขนมอยู่ร้านนึง   ตอนแรกพิมก็ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรมากินดี   เห็นคนอื่นเค้าสั่งกาแฟ  แต่กาแฟก็ไม่ใช่แนวพิม  พิมก็เลยลองสั่งสมูทตี้สับปะรดมากิน แก้วละ 90 บาท   ปรากฎว่ามันอร่อยมากค่ะ    มีความสับปะรดมาแบบเต็มแก้ว   (เค้าใช้สับปะรดสีทองซึ่งเป็นสับปะรดพันธุ์พื้นเมืององตราด)   รสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดี    น่าจะเป็น 1 ใน 2 ของสับปะรดปั่นที่อร่อยสุดเท่าที่พิมเคยกินมาในชีวิตนี้เลยนะคะ ^_^  

ส่วนเครื่องดื่มอย่างอื่น เช่น สมูทตี้มะพร้าว สมูทตี้มะม่วง  สมูทตี้แตงโมก็อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ  แต่พวกกาแฟ พิมสั่ง Black Coffee  มา พิมว่ายังไม่ค่อยเท่าไหร่   ส่วนเค้ก พิมได้ลองเค้กมะพร้าว ... ไม่แนะนำเลยนะคะ แฮ่ๆ

77

หลังจากนั่งพักชมวิวกันสักพัก  ก็ได้เวลากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รีสอร์ทเพื่อไปดำน้ำต่อกันล่ะค่ะ 

34

เรานั่งเรือสปีดโบ๊ท (ลำที่เหมาไว้ตั้งแต่ตอนแรก)  ไปยังจุดดำน้ำที่ใกล้ ๆ กับเกาะรังนะคะ 

35

จุดที่เราไปดำน้ำตื้นกัน พิมไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกอะไร   แต่ว่ามันเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เกาะรัง และมีปะการังสวย ๆ และปลาหลากสีรอบเกาะเลยค่ะ  

36

เมื่อเรือไปจอดอยู่ใกล้ ๆ เกาะ   เจ้าหน้าที่เค้าก็จะแจกอุปกรณ์สำหรับดำน้ำตื่นและชูชีพประจำตัว  พร้อมกับแนะนำวิธีใช้นะคะ     ซึ่งขอบอกว่ามันใช้ง่ายมาก   ใครที่ไม่เคยดำน้ำตื้นมาก่อนหรือว่ายน้ำไม่เป็น (อย่างพิม)    ก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ เลยค่ะ  ^_^ 

37

ณ จุด ๆ นี้เนี่ย หลังจากที่เจ้าหน้าที่เค้าแจกอุปกรณ์ให้เราแล้ว   ถ้าใครไม่อยากจะลงน้ำ ไม่อยากตัวเปียก  ก็สามารถยืนดูเพื่อน ๆ ดำน้ำได้นะคะ  แต่ถ้าใครที่ชอบดำน้ำ ไม่กลัวว่าตัวจะเหนียว พิมแนะนำให้ลงน้ำเลยค่ะ   เพราะว่าปะการังที่อยู่รอบ ๆ เกาะนี้สวยมาก  มีทั้งปะการังโขด  ปะการังเขากวาง  ปะการังแผ่นใบไม้ และปะการังอื่นๆ   รวมถึงปลาตัวเล็กตัวน้อยอีกมากมายนะคะ 

41

40

GOPR11165

หลังจากที่ดำน้ำกันอยู่ประมาณชั่วโมงนึง ก็ได้เวลาพักกินข้าวเที่ยงแล้วค่ะ   ซึ่งข้าวเที่ยงเนี่ยตอนแรกเราคิดว่าจะกินกันในเรือ  แต่ไป ๆ มา ๆ เราก็คิดว่าไปกินที่เกาะรังกันดีกว่านะคะ  ซึ่งเกาะรังก็อยู่ห่างจากจุดที่เราดำน้ำประมาณ 10 นาทีได้ค่ะ  ^_^ 

43

อาหารที่เราเตรียมมากินกันในวันนี้ เป็นเซตอาหารกล่องจากปีเตอร์แพนรีสอร์ท  ชุดละ 200 บาท เป็นอาหารจานเดียว + ผลไม้ + ขนม และน้ำดื่มนะคะ   ซึ่งเราก็สั่งปน ๆ มาหลายแบบ มีทั้งข้าวผัด ผัดกระเทียม และผัดกระเพรา  เนื้อปู กุ้ง หมึก รวม ๆ แล้ว รสชาติดีทุกอย่าง หมึกเป็นหมึก กุ้งเป็นกุ้ง  ไม่มีอันไหนไม่อร่อยเลยค่ะ    ^_^ 

** กินเสร็จแล้ว เก็บกล่องเก็บขวดและขยะอื่นๆ  กลับไปทิ้งที่ที่พักด้วยนะคะ

42

แถมที่เกาะนี้ ก็ยังมีน้องกวางอยู่ด้วยค่ะ   เป็นกวางตัวน้อยที่ชอบกินแตงกวามาก ๆ  ถ้าใครผ่านไปที่เกาะนี้ก็อย่าลืมเอาแตงกวาให้น้องกวางกินด้วยนะคะ  (น้องไม่ชอบกินผลไม้ค่ะ ^^")

44

45

จากเกาะรัง ... หลังจากดำน้ำ กินข้าวเสร็จแล้ว เราก็นั่งสปีดโบ๊ทกลับมาที่เกาะตอนประมาณบ่าย 3 โมงค่ะ 

พอกลับมาถึงเกาะ หลังจากกินของว่างช่วงบ่าย ไอติม และขนมที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย  คุณสามีพิมก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง  ส่วนพิมกับเพื่อน พลังงานยังไม่หมด ก็เลยขอไปพายเรือคายัคและเดินเล่นที่ชายหาดต่ออีกประมาณชั่วโมงนึงนะคะ ^_^

46

47

48

73

51

พอประมาณ 5 โมงครึ่ง หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย พิมกับเพื่อน ๆ ก็ขึ้นสองแถวไปกินข้าวเย็นที่ร้านแถว ๆ นั้นกันค่ะ  (พิมจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยน๊าา)  

52

เมนูที่สั่งมากินก็มียำปูม้า  ส้มตำทอด  กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา  ปลาทอดราดพริก  กุ้งเผา และก็ต้มอะไรอีกสักอย่าง  รสชาติอาหารโดยรวมโอเคนะคะ / ปลาราดพริกเผ็ดจัดแต่อร่อย หอมเครื่องมาก ๆ    กุ้งย่าง สดปิ๊ง ๆ น้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวกำลังดี   ต้มก็รสดี   แต่ปริมาณโดยรวมของอาหารทุกอย่าง ค่อนข้างน้อยไปนิดนึงเมื่อเทียบกับราคา ทำให้มื้อนี้กินไม่ค่อยอิ่มเลยค่ะ  T__T  

หลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อย ตอนที่กลับมาถึงรีสอร์ท พนักงานแจ้งว่าเดี๋ยวตอน 2 ทุ่มครึ่ง เค้าจะมีโชว์ควงกระบองไฟด้วยนะคะ  เพื่อนพิมพอได้ฟังก็รอดูกันเพียบเลย แต่ส่วนตัวพิม บอกตามตรงว่าไม่ไหวค่ะ ง่วงมากกกก  ก็เลยขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ T__T 

54

55

เช้าวันที่ 3 หลังจากอาบน้ำอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย  เวลา 9 โมงเช้าก็ได้เวลาเดินทางออกจากรีสอร์ทแล้วค่ะ 

57

59

ขากลับเราเดินทางด้วยสปีดโบ๊ทลำเดิมที่นั่งมาจากท่าเรือแหลมศอกนะคะ  ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะแวะไปเกาะกระดาษ และเกาะขายหัวเราะอีกครั้ง  แต่ด้วยความที่วันนี้ลมแรง คลื่นแรงมาก  ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางเยอะกว่าเดิมเป็นเท่าตัว   เราก็เลยไม่สามารถแวะเกาะกระดาษได้  ต้องนั่งเรือตรงดิ่งไปยังท่าเรือแหลมศอกเลยค่ะ  T__T 

58

76

เมื่อถึงท่าเรือแหลมศอกแล้ว  เราก็นั่งรถตู้ไปยังร้านแสงฟ้า ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังในตัวเมืองตราดนะคะ  

ร้านแสงฟ้าเป็นหนึ่งในร้านอาหารโปรดของพิมพอ ๆ กับร้านคนพลัดถิ่นเลยค่ะ   แต่ว่าร้านนี้เนี่ยจะค่อนข้างเป็นทางการมากกว่าร้านคนพลัดถิ่นนะคะ  น้องที่เป็นคนพื้นที่ที่นี่เล่าให้ฟังว่า  ร้านนี้เหมือนร้านที่ไว้ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง  คือถ้ามีใครมาเที่ยวตราด  คนรู้จักที่เป็นคนตราดก็มักจะพามาที่ร้านนี้เป็นร้านแรกเลยค่ะ

78

อาหารของร้านนี้เท่าที่พิมเคยกินมาหลายครั้ง พิมว่านอกจากเค้าจะใช้วัตถุดิบดีแล้ว  ฝีมือการทำอาหารของพ่อครัว/แม่ครัวประจำร้านก็ดีมากอีกด้วยนะคะ   เพราะไม่ว่าจะเป็นปลานึ่งซีอิ๊ว ชุดออเดิร์ฟ (หมึกลวก กุ้งลวก ลูกชิ้นปลา)   เนื้อปูผัดพริกขิง  ปลาเห็ดโคนผัดพริกของ ฮ่อยจ๊อ  กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา  ต้มส้มปลาใส่ระกำ  กุ้งทอดครีมสลัด และออส่วน ... อร่อยถูกใจพิมทุกอย่างเลยค่ะ   ยังไงถ้ามีโอกาสแวะไปตราด อย่าลืมไปลองกินที่ร้านนี้นะคะ  

** ฝั่งตรงข้ามร้านเลยไปนิดนึงจะมีตลาดสดอยู่  ของทะเลสด ๆ เยอะมาก ถ้าใครแวะร้านนี้ตอนก่อนจะกลับกรุงเทพฯ  อย่าลืมแวะไปช๊อปปิ้งอาหารทะเลที่ตลาดนี้ด้วย รับรองจะฟินนนนนค่ะ  แต่ต้องไปตอนเช้า ๆ นิ๊ดนึงนะคะ ^_^ 

60

6162

จากร้านแสงฟ้า หลังจากที่กินข้าวและนั่งเอ้อระเหยกันอยู่พักใหญ่ ^___^   เราก็นั่งรถตู้ตรงดิ่งไปยังสนามบินตราดเลยค่ะ   เพราะเรามีนัดขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ตอนประมาณเที่ยงสี่สิบ  และจะกลับถึงกรุงเทพฯ ตอนประมาณบ่าย 2 กว่า ๆ  นะคะ  

63

สำหรับทริปเกาะกูด 3 วัน 2 คืนของพิมรอบนี้ บอกเลยว่าพิมกับคุณสามีแฮปปี้มาก ๆ ค่ะ   ใครที่มีเวลาว่างไม่เยอะ เช่นเช้าวันศุกร์อาจจะตื่นมาเคลียร์งานก่อน    แล้วต้องกลับมาทำงานต่อในช่วงเย็น ๆ วันอาทิตย์   ก็ลองทริปแบบพิมดูนะคะ  อาจจะดูมาไวไปไวนิดนึง  แต่ก็ได้ทำโน่นทำนี่หลายสิ่ง มีความสุขมากเลยค่ะ 

แล้วเจอกันใหม่ในทริปถัดไป สวัสดีค่า ...  ^_^ 

64



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก