header



วันนี้พิมจะมาชวนทุกคนทำน้ำจิ้มอเนกประสงค์กันค่ะ  เป็นน้ำจิ้มที่เอาไว้จิ้มกับของทอด อย่าง ปลาทอด ไก่ทอด กุ้งทอด หมูทอด  อะไรพวกนี้ รวมไปถึงทอดมันนะคะ   

น้ำจิ้มสูตรนี้เป็นสูตรที่ทำง่าย  ส่วนผสมไม่เยอะ  และไม่ได้ใส่แบะแซ (เพื่อให้เหนียว)  เพราะงั้นใครที่ไม่ชอบแบะแซ   ไม่ชอบน้ำจิ้มที่ข้นเหนียวแบบหนืด ๆ อยากให้ลองน้ำจิ้มสูตรนี้เลยค่ะ ^_^

thai sweet and sour dip 6

thai sweet and sour dip 4

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::

- พริกชี้ฟ้าแดง บด 90 กรัม
- พริกจินดา บด 15 กรัม
- กระเทียมไทย บด 40 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 450 กรัม
- น้ำส้มสายชูกลั่น 380 กรัม
- น้ำเปล่า 50 กรัม
- เกลือสมุทร ป่น 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ  

thai sweet and sour dip 1

:: วิธีทำ ::

อันดับแรก เรามาดูส่วนผสมที่ใช้สำหรับทำน้ำจิ้มอันนี้กันก่อนนะคะ 

เริ่มจาก "พริก" ... ปกติแล้วน้ำจิ้มแบบนี้ ส่วนใหญ่เค้าจะใช้แต่พริกชี้ฟ้าแดงกันค่ะ เพราะว่าเป็นพริกที่ให้สีแดงสวย แต่ว่าเผ็ดน้อย ดังนั้นจึงสามารถใส่ในปริมาณที่เยอะได้  แต่พิมเป็นคนที่ชอบน้ำจิ้มแบบเผ็ดมากนิดนึง  พิมก็เลยใส่พริกแดงจินดาลงไปด้วย  ซึ่งถ้าใครไม่ชอบน้ำจิ้มแบบเผ็ดมากอย่างพิม  ใส่แค่พริกชี้ฟ้าพอ ส่วนพริกแดงจินดา ตัดทิ้งไปได้เลยนะคะ 

ส่วน "กระเทียม" ... เนื่องจากน้ำจิ้มสูตรนี้เราจะไม่ปอกเปลือกกระเทียม เพราะว่าเปลือกกระเทียมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำจิ้มมีความหอมค่ะ   พิมก็เลยใช้เป็นกระเทียมไทยกลีบเล็ก เปลือกบางนะคะ   แต่ถ้าสมมติว่าใครมีเป็นกระเทียมไทยแบบเปลือกหนา  ก็ให้ตัดหัวตัดท้ายกลีบกระเทียม แล้วแกะเปลือกส่วนที่หนา ๆ ออก เหลือไว้แต่เปลือกบางชั้นในก็พอค่ะ 

เมื่อได้พริก (เด็ดขั้ว)  และกระเทียมมาแล้ว  นำไปล้างน้ำให้สะอาด  เทใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ  แล้วบดให้ละเอียด  แต่ไม่ต้องละเอียดมากนะคะ  ถ้าใครไม่มีเครื่องบด  ก็ใช้วิธีตำให้ละเอียดหรือสับเอาก็ได้ค่ะ  ^_^ 

thai sweet and sour dip 2

 จากนั้นหยิบหม้อใบย่อม ๆ ออกมาใบนึง  ใส่น้ำตาลทราย เกลือ น้ำส้มสายชู น้ำเปล่า และพริก กระเทียมลงไป   แล้วคนให้เข้ากันนะคะ  

thai sweet and sour dip 3

thai sweet and sour dip 5

ยกหม้อขึ้นตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลาง  พอส่วนผสมเดือดทั่วก็หรี่ไฟลงเป็นไฟกลางค่อนมาทางอ่อน แต่ไม่ต้องอ่อนมาก    แล้วก็เคี่ยวน้ำจิ้มไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็นค่ะ 

ระหว่างที่เคี่ยวน้ำจิ้ม ก็ให้ตักน้ำจิ้มขึ้นมาชิมรสชาติสักนิดนึงนะคะ ว่าเป็นไปในทางเราชอบไหม  ถ้าตามสูตรที่พิมให้ไว้เนี่ย น้ำจิ้มก็จะออกรสชาติเผ็ดนำ  หวาน เปรี้ยว เค็มตามค่ะ    แต่บางทีแล้วด้วยส่วนผสมที่ต่างยี่ห้อกัน  บางทีรสชาติที่ได้ก็อาจจะต่างกัน  (บ้าง)  เพราะงั้นเมื่อลองชิมแล้ว ถ้ารสชาติไม่ถูกใจ อยากให้หวานเพิ่ม เค็มเพิ่ม หรือเปรี้ยวเพิ่ม  ก็ปรุงรสเพิ่มได้ตามชอบเลยนะคะ

หรือถ้าใครที่กังวลว่าถ้าใส่พริกเท่าที่พิมใส่  น้ำจิ้มจะเผ็ดมาก  ... ตอนที่ใส่พริกลงในหม้อ ก็ให้ใส่ลงไปแค่ครึ่งเดียวก่อนค่ะ    แล้วถ้าตอนชิมรู้สึกว่าเผ็ดน้อยไป ค่อยเติมเพิ่มก็ได้นะคะ   ^_^

thai sweet and sour dip 9

และหลังจากที่เราเคี่ยวน้ำจิ้มไปประมาณ 30 นาที เราจะได้น้ำจิ้มที่ข้นเหนียวประมาณนี้ค่ะ  ...  ถึงตรงนี้ก็ยกหม้อน้ำจิ้มลงจากเตา แล้ววางพักไว้ให้เย็นนะคะ  

*** อย่าเคี่ยวน้ำจิ้มให้ข้นเหนียวมาก  เพราะหลังจากที่น้ำจิ้มเย็นสนิทแล้ว  จะมีความเหนียวเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ   

*** ถ้าสมมติว่าน้ำจิ้มที่เย็นสนิทแล้วมีความเหนียวเกิน ให้ใส่น้ำร้อนลงไป 1 ช้อนโต๊ะ  แล้วคนให้เข้ากันนะคะ   ถ้ายังเหนียวมากอีก ก็ให้ใส่น้ำร้อนลงไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน  จนกว่าจะได้น้ำจิ้มที่มีความข้นเหนียวตามที่ต้องการค่ะ 

thai sweet and sour dip 10

สำหรับวิธีเก็บน้ำจิ้ม  ปกติแล้วพิมจะเก็บน้ำจิ้มในขวดแก้วทรงสูงที่ใบไม่ใหญ่มาก  (ประมาณ 250 ml.)  นะคะ   แต่ว่าวันนี้พิมเอาขวดไซส์นั้นไปใส่อย่างอื่นหมดแล้ว  ก็เลยต้องเก็บน้ำจิ้มไว้ในโหลแก้วแบบในภาพด้านล่างแทนค่ะ  ^_^   ซึ่งอายุของน้ำจิ้มแบบนี้ ถ้าเก็บไว้ในขวดทั่วไป  ก็จะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน  แต่ว่าถ้าเก็บในตู้เย็น หรือว่าเก็บแบบสูญญากาศ ก็จะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือนนะคะ

thai sweet and sour dip 6

สำหรับวิธีการใช้น้ำจิ้มอันนี้ หรือน้ำจิ้มอันนี้เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง   ก็ได้หลากหลายอย่างเลยค่ะ หลัก ๆ คือเอาไว้จิ้มกับพวกเนื้อสัตว์ทอด  ผักทอดทุกประเภท โดยเฉพาะพวกชุบแป้งทอดนะคะ  แล้วก็เอาไว้เป็นน้ำจิ้มทอดมัน  หรือใครจะเอาไปเป็นซอสปลาราดพริกก็ได้อยู่ค่ะ 

thai sweet and sour dip 4

  ยังไงก็ลองไปทำดูน๊า  ติดขัดตรงไหนก็มาถามกันได้ แล้วพิมจะทยอยเข้ามาตอบให้เรื่อย ๆ นะคะ ^_^

thai sweet and sour dip 8

 



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก